A yield divergence / Easy E-Receipt
• Strategy: ในเชิงกลยุทธ์ ยังคงมองว่าแนวรับที่น่าสนใจในมิติของ Valuation อยู่ที่ระดับ 1370 จุด เนื่องจากเทืยบเท่าระดับกรณีฐานจากวิธี PE Model ของเรา ด้วยเหตุนี้ หาก SET Index ย่อตัวมาแถวบริเวณ ดังกล่าว แนะนําให้ผู้ที่ถือเงินสดมาก่อนหน้านี้ สามารถเพิ่มน้ําหนักการ ลงทุนในหุ้นไทยได้
• THB yield: อัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยทําจุดต่ําสุดใหม่เมื่อวานนี้ หลังผลการประมูลพันธบัตรรัฐบาลรุ่น 5 ปีของไทยออกมามีกระแสตอบรับ มาก โดยมีอัตราส่วน Bid-to-cover อยู่ที่ 3.69x ถือเป็นสถิติสูงสุดใหม่ ของปีนี้ การปรับลงที่สวนทางระหว่าง Yield ของไทยและสหรัฐฯนี้ (รูปที่ 1) ถือเป็นข้อโชคดีประการหนึ่งที่ทําให้ตลาดหุ้นไทยยังคงมี Valuation ที่ดูพอน่าสนใจสําหรับนักลงทุนในประเทศผ่านมาตรวัด Earning yield gap (EYG) ที่เทียบเคียงกับ Bond yield ในประเทศ โดย ล่าสุดระดับ EYG ดังกล่าวยังคงสามารถยืนเหนือค่าเฉลี่ยอยู่ไว้ได้ (รูปที่ 2) บ่งชี้ความน่าสนใจของตัวหุ่นเมื่อเปรียบเทียบกับตราสารหนี้จะทํา
• Bond-liked: ที่สําคัญ Bond yield ของไทยที่ยืนค่าต่อเนื่องแบบนี้ ให้ความน่าสนใจของตราสารคล้าย Bond ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดีต่อไปด้วย เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น REITs/IFFS/Utilities เป็นต้น ผ่านมาตรวัด Dividend yield gap ที่ยังคงยืนได้เหนือค่าเฉลี่ยเช่นกัน (รูปที่ 3) เรายังคงแนะนําให้ Overweight ตราสารนี้ต่อไปยังการลงทุนในช่วงไตรมาส 1 ปีหน้า
• Easy E-Receipt: วานนี้นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว. คลัง เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัปดาห์หน้า 24 ธ.ค. 67 ซึ่งเป็นการประชุมนัดสุดท้ายของปีนี้ กระทรวงการคลัง จะเสนอ มาตรการของขวัญปีใหม่ 2568 เพื่อช่วยในการกระตุ้นกําลังซื้อของ ประชาชน คือ โครงการ Easy E-receipt ซึ่งเงื่อนไขรายละเอียดจะ ใกล้เคียงกับของเดิม อาทิ วงเงินลดหย่อนภาษีสูงสุด 50,000 บาท
• Our take: มองมาตรการ Easy E-Receipt ดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมโมเม นต้มของการบริโภคภายในประเทศช่วงไตรมาสที่ 1 ของปีหน้าให้ต่อเนื่อง จากไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ได้ มองเช่นเดิมว่ากลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จาก มาตรการดังกล่าวได้แก่ กลุ่ม Hypermarket อาทิ CPAXT, BJC และกลุ่ม Discretionary อาทิ CRC, COM7, HMPRO เป็นต้น
• NKT: หุ้นโรงพยาบาลนครธน เข้าซื้อขายในกระดาน SET Index วันนี้เป็น วันแรก ให้ราคาเหมาะสมอยู่ที่ 12.2 บาท ประเมินก่าไรปี 2567-2569 ไว้ที่ 270, 286, และ 317 ล้านบาทตามล่าดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ประมาณ 6.5% มองความน่าสนใจในการเข้าลงทุนหุ้นตัวนี้ได้แก่
1) เป็นหนึ่งในโรงพยาบาลชั้นนําของกรุงเทพมหานครฝั่งตะวันตก
2) มีประสบการณ์ด้านการให้บริการที่มีคุณภาพ เปิดดําเนินการมาแล้วเป็น เวลา 28 ปี
3) มีการร่วมมือกับโรงพยาบาลชั้นนําในการก่อตั้งศูนย์การแพทย์รักษา โรคซับซ้อนและโรคทั่วไป
4) มีความพร้อมในการดูแลและรักษาสุขภาพของผู้ใช้บริการทุกช่วงวัย รองรับทุกกลุ่มผู้ใช้บริการ
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities