InfoQuest - ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันศุกร์ (14 มิ.ย.) และลดลงในรอบสัปดาห์นี้ อันเป็นผลจากแรงเทขายหุ้น ท่ามกลางความปั่นป่วนทางการเมืองในฝรั่งเศสซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นฝรั่งเศสร่วงลงอย่างหนัก
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 511.05 จุด ลดลง 4.99 จุด หรือ -0.97%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,503.27 จุด ลดลง 204.75 จุด หรือ -2.66%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 18,002.02 จุด ลดลง 263.66 จุด หรือ -1.44% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,146.86 จุด ลดลง 16.81 จุด หรือ -0.21%
ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 5 สัปดาห์และปิดตลาดสัปดาห์นี้ร่วงลง 2.4% ซึ่งเป็นการร่วงลงในรอบสัปดาห์เดียวมากที่สุดในปีนี้
ตลาดหุ้นฝรั่งเศสร่วงลง 2.7% ในวันศุกร์ และร่วงลง 6.2% ในรอบสัปดาห์นี้ ขณะที่ค่าพรีเมียมความเสี่ยงของพันธบัตรภายในประเทศแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี
นายบรูโน เลอ แมร์ รัฐมนตรีคลังฝรั่งเศสกล่าวเตือนว่า ฝรั่งเศสอาจเผชิญวิกฤตการณ์ทางการเงิน หากพรรคขวาจัดหรือซ้ายจัดชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ เนื่องจากมีแผนการใช้จ่ายจำนวนมาก
ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส ประกาศยุบสภาเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. พร้อมกับประกาศจัดการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งจะมีขึ้น 2 รอบในวันที่ 30 มิ.ย. และ 7 ก.ค.
บรรดานักลงทุนกังวลเกี่ยวกับชัยชนะในการเลือกตั้งของพรรคเนชันแนล แรลลี (National Rally) ซึ่งเป็นพรรคขวาจัด หลังจากทางพรรคเพิ่งคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งรัฐสภายุโรป
หุ้นที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ลดลงต่อเนื่อง โดยร่วงลง 2.1% สู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 4 เดือน เนื่องจากมีความไม่แน่นอนว่า จีนจะตอบโต้อย่างไรต่อมาตรการของสหภาพยุโรป (EU) ในการเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีน