Investing.com - หุ้นเอเชียปรับขึ้นในช่วงเช้าของการซื้อขายวันนี้ พลิกฟื้นจากขาลงช่วงต้นสัปดาห์ท่ามกลางบรรยากาศความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่เข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ
ดัชนี Shanghai Composite และ Shenzhen Component ปรับขึ้น 1% และ 1.1% ตามลำดับ เมื่อเวลา 10:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (02:30 GMT) ส่วนดัชนี Hang Seng ก็ขยับขึ้น 0.7%.
เช้านี้มีการรายงานข้อมูลด้านการเติบโตของ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ประเทศจีนประจำเดือนเมษายนนั้นชะลอตัวลงอยู่ที่ 5.4% ต่ำลงจากระดับสูงสุดในรอบ 4 ปีครึ่งเมื่อเดือนมีนาคม ต่างจากที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมจีนจะขยายตัวขึ้น 6.5%
ทางด้าน ยอดการลงทุนในสินทรัพย์คงที่ ระหว่างช่วงเดือนมกราคม-เมษายนก็เพิ่มขึ้นมาเพียง 6.1% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งถือว่าออกมาต่ำกว่าคาดการณ์เช่นเดียวกัน
ยอดการลงทุนในสินทรัพย์คงที่ของภาคเอกชนที่ถือเป็น 60% ของการลงทุนทั้งหมดในจีน เพิ่มขึ้นมา 5.5% ในช่วงเวลาเดียวกันนี้
ยอดค้าปลีกจีน เดือนเมษายนเพิ่มขึ้น 7.2% เมื่อเทียบปีต่อปี ต่ำกว่าที่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 8.6%
อย่างไรก็ดี ตลาดกลับได้รับแรงกระตุ้นหลังจากทรัมป์เผยว่า "ภายในอีกสามถึงสี่สัปดาห์ข้างหน้า" ก็จะมีความชัดเจนยิ่งขึ้นว่าการเจรจาทางการค้ากับจีนจะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีหรือไม่ "ใครจะไปรู้ จริงไหม" ทรัมป์กล่าว "แต่ผมเชื่อว่าจะต้องประสบความสำเร็จอย่างมาก"
เขายังคาดการณ์ไว้อีกด้วยว่าความเคลื่อนไหวก้าวต่อไปของจีนคือการลดอัตราดอกเบี้ย เขาจึงรบเร้าให้เฟดทำเช่นเดียวกันเพื่อช่วยให้สหรัฐฯ เอาชนะสงครามทางการค้าครั้งนี้ให้ได้
ทรัมป์ทวีตว่า “จีนจะเริ่มอัดฉีดเงินเข้าระบบของตัวเองและน่าจะลดอัตราดอกเบี้ยด้วย ก็เหมือนกับทุกครั้งนั่นแหล่ะ พวกเขาทำไปเพื่อเยียวยาเศรษฐกิจตัวเองที่อ่อนแอ และกำลังจะอ่อนแอไปมากกว่านี้ ถ้าหากเฟดยอมทำ "เช่นเดียวกัน" ก็ถือว่าจบเกมเลย เราชนะ! ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จีนก็ต้องทำข้อตกลง!"