Investing.com - หุ้นเอเชียส่วนใหญ่ฟื้นตัวขึ้นจากการขาดทุนอย่างหนักในวันนี้ แม้ความเชื่อมั่นจะยังคงเปราะบางหลังเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในไต้หวัน
สัญญาณที่หลากหลายเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ได้จำกัดการ upside ของหุ้นในภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ และข้อมูล การจ้างงานนอกภาคการเกษตร กำลังจะมาถึง
แต่ถึงกระนั้น ตลาดเอเชียก็ได้รับสัญญาณเชิงบวกจากวอลล์สตรีทที่แข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อย และหุ้นฟิวเจอร์สสหรัฐก็ปรับตัวขึ้นในตลาดเอเชียเช่นกัน
ปริมาณการซื้อขายในตลาดเอเชียค่อนข้างเงียบเนื่องจากวันหยุดของตลาดในจีนและฮ่องกง
Nikkei 225 rebound จากการขาดทุนถึงสามวันติดต่อกัน
Nikkei 225 เพิ่มขึ้น 1.5% เหนือระดับ 40,000 จุดในวันนี้ หลังขาดทุนติดต่อกันถึงสามวัน โดยดัชนีได้ถูกกดดันจากการเทขายทำกำไร และสัญญาณเงินเฟ้อของญี่ปุ่นที่สูงขึ้นยังกระตุ้นให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับมาตรการเชิง hawkish จากธนาคารกลางญี่ปุ่นอีกด้วย
ดัชนี TOPIX โดยรวมเพิ่มขึ้น 1.3% จากการขาดทุนครั้งล่าสุดด้วย
การอ่อนตัวของเงิน เยน ส่งผลดีอย่างมากต่อหุ้นภาคการส่งออกของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ Nikkei ปรับตัวขึ้นในวันนี้ เงินเยนได้รับผลกระทบจากแนวโน้มที่ว่าอัตราดอกเบี้ยของญี่ปุ่นจะสูงขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ขณะที่อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ก็ยังคงสูงอยู่ต่อไป
ตลาดเอเชียโดยรวมปรับตัวขึ้น หลังขาดทุนอย่างหนักตั้งแต่เริ่มต้นไตรมาสที่สอง เนื่องจากดัชนีภูมิภาคส่วนใหญ่ต้องเผชิญกับการเทขายทำกำไรเพราะไตรมาสแรกที่แข็งแกร่งของปี 2024
ASX 200 ของออสเตรเลียเพิ่มขึ้น 0.5% ใกล้กับระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ KOSPI ของเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 1% และใกล้กับจุดสูงสุดในรอบสองปี
TWII ของไต้หวันปิดลดลง 0.6% เมื่อวันพุธ หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 25 ปี TSMC (TW:2330) ร่วงลง 1.3% หลังอพยพพนักงานออกจากพื้นที่โรงงานบางส่วน
ตลาดอินเดียกำลังจับตาการประชุม RBI และการเลือกตั้ง
ดัชนีอินเดียฟิวเจอร์ส และ Nifty 50 มีแนวโน้มเปิดตลาดแบบเชิงบวก ที่เหนือระดับ 22,000 จุด
แต่ความเชื่อมั่นต่ออินเดียค่อนข้างจะอ่อนแอก่อนการประชุมของ ธนาคารกลาง ในวันศุกร์ แม้ RBI จะถูกคาดหวังว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ แต่สัญญาณเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อและการเติบโตทางเศรษฐกิจอื่น ๆ จะต้องถูกจับตาดูอย่างใกล้ชิด
การประชุม RBI เกิดขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปของอินเดียประจำปี 2024 ซึ่ง Narendra Modi ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันก็จะเข้าแข่งขันกันเป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน
จากการสำรวจแสดงให้เห็นว่าพันธมิตรพรรค BJP ของ Modi นั้นคาดว่าจะได้รับคะแนนเสียงข้างมาก ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ดีสำหรับตลาดหุ้นอินเดีย
นักลงทุนต่างยินดีเป็นอย่างยิ่งกับนโยบายที่เน้นธุรกิจเป็นหลักของ Modi ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา และเศรษฐกิจอินเดียยังเป็นเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วที่สุดในช่วงสองปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ทำให้ Nifty ขึ้นสู่สถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์