ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ระส่ำระส่าย นักลงทุนจับตาการประชุมที่แจ็คสัน โฮล

© Reuters

Investing.com -- หุ้นสหรัฐฯ แกว่งตัวเนื่องจากความซบเซาในฤดูร้อน สัปดาห์นี้จะมีการกล่าวสุนทรพจน์โดยประธานเฟด เจอโรม เพาเวลล์ และรายงานผลประกอบการของผู้ค้าปลีกตลอดทั้งสัปดาห์

เมื่อเวลา 9:48 ET (13:48 GMT) ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 23 จุดหรือ 0.1% ขณะที่ S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.3% และ Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 0.7%

ดัชนีหุ้นหลักปรับตัวลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้นและความอ่อนแอทางเศรษฐกิจจากจีนเข้ามากดดัน

ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 2.2% ในสัปดาห์ที่แล้วในขณะที่ S&P 500 ลดลง 2.1% และ Nasdaq Composite ร่วงลง 2.6% ดัชนีทั้งสองทำสถิติขาดทุนติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สาม

PBOC หั่นอัตราดอกเบี้ย 1 ปี

อย่างไรก็ตาม สัปดาห์ใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นด้วยโทนเชิงบวกมากขึ้น โดยได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่าธนาคารประชาชนจีนได้ปรับลด อัตราดอกเบี้ยเงินกู้หนึ่งปี ลง 10 จุดเป็น 3.45%

แม้ว่าจะได้รับการคาดหมายว่าจะมีการปรับลด อัตรา 5 ปี แต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่ PBOC ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้น เช่นเดียวกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าปักกิ่งกำลังหาทางสนับสนุนเศรษฐกิจที่ไม่มั่นคงของตนอย่างแข็งขัน

ทุกสายตาจับจ้องไปที่แจ็คสันโฮล

นอกจากนี้ ธนาคารกลางสหรัฐยังเป็นจุดสนใจอย่างมาก โดยผู้กำหนดนโยบายจะรวมตัวกันในการประชุมสัมมนาประจำปีที่เมือง แจ็คสัน โฮล รัฐไวโอมิ่ง ในช่วงปลายสัปดาห์

คำปราศรัยของพาวเวลล์ในวันศุกร์จะเป็นไฮไลท์สำหรับนักลงทุนที่มองหาความชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางของอัตราดอกเบี้ยในอนาคต

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจาก บันทึกการประชุมเฟดในสัปดาห์ที่แล้วในการประชุมเดือนกรกฎาคมของธนาคารกลาง แสดงให้เห็นว่าผู้กำหนดนโยบายส่วนใหญ่ยังคงกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงขาขึ้นต่ออัตราเงินเฟ้อ ซึ่งบ่งชี้ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปยังคงจำเป็น

Zoom เริ่มต้นผลงานในสัปดาห์ใหม่

บริการการประชุมทางวิดีโอ Zoom Video Communications (NASDAQ:ZM) จะมีการแสดงผลประกอบการรายไตรมาสล่าสุดหลังจากปิดตลาดในวันจันทร์ ซึ่งเป็นการเริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ของการกลับมาของบริษัท หุ้นเพิ่มขึ้น 1.6%

ครั้งหนึ่ง Zoom เคยเป็นธุรกิจสุดยิ่งใหญ่ในยุคโรคระบาดที่ขับเคลื่อนด้วยการทำงานจากบ้าน Zoom ได้รับผลกระทบจากพนักงานจำนวนมากที่กลับมาทำงานในออฟฟิศ พร้อมกับการแข่งขันที่สูงขึ้นจากผู้เล่นชื่อดังอย่าง Microsoft (NASDAQ:MSFT) และ Google (NASDAQ:GOOGL)

รายได้จากการค้าปลีกยังเป็นตัวผู้เล่นหลักในสัปดาห์นี้ด้วย ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน และร้านค้าเฉพาะทางล้วนมีกำหนดรายงาน หุ้นของ Macy (NYSE:M) เพิ่มขึ้น 0.1%

น้ำมันดิบขยับขึ้นจากอุปทานทึ่ตึงตัว

ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นในวันจันทร์ ดีดตัวขึ้นหลังจากเทขายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยได้รับความช่วยเหลือส่วนหนึ่งจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของจีนและจากการคาดการณ์ผลผลิตที่ลดลงจากกลุ่มผู้ผลิตชั้นนำในเดือนสิงหาคม

ตลาดน้ำมันดิบอ่อนตัวลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สิ้นสุดการบวกติดต่อกัน 7 สัปดาห์ติด เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นของสหรัฐฯ และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวของจีนจะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมัน

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มของอุปทานที่ตึงตัวขึ้น หลังจากการลดกำลังการผลิตลงลึกจากซาอุดีอาระเบียและรัสเซียในปีนี้ ผู้ผลิตชั้นนำสองรายในกลุ่ม OPEC+ ได้ช่วยพยุงราคา

น้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 0.3% เป็น 80.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ น้ำมันเบรนท์ เพิ่มขึ้น 0.3% เป็น 85.08 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาทองคำ ทรงตัวที่ 1,917 ดอลลาร์ต่อออนซ์

(Peter Nurse และ Oliver Gray มีส่วนร่วมจัดทำรายการฉบับนี้)