Investing.com-- หุ้นเอเชียส่วนใหญ่ร่วงลงในวันพุธเนื่องจากหุ้นกลุ่มการเงินถูกเทขาย ขณะที่นักลงทุนก็ระมัดระวังก่อนที่การประชุมเฟดจะสิ้นสุดในท้ายวันนี้
ปริมาณการซื้อขายในภูมิภาคค่อนข้างเงียบเนื่องจากวันหยุดของตลาดในจีนและญี่ปุ่น
ดัชนี ฮั่งเส็ง ของฮ่องกงเป็นดัชนีที่ทำผลงานแย่ที่สุดของวัน โดยหุ้นน้ำมันและก๊าซจำนวนมากได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ร่วงลง 5% ในวันอังคาร หุ้นฮ่องกงของ PetroChina (HK:0857) และ China Petroleum & Chemical Corp (HK:0386) ร่วงลงกว่า 4% ต่อหุ้น
ธนาคารขนาดใหญ่อย่าง HSBC (HK:0005) และ Standard Chartered (HK:2888) ขาดทุน 0.7% และ 2.1% ตามลำดับ
หุ้นธนาคารในเอเชียร่วงลงตามการขาดทุนในชั่วข้ามคืนในหุ้นของธนาคารสหรัฐฯ หลังจากการเข้าซื้อกิจการ First Republic Bank (NYSE:FRC) อย่างเร่งด่วนโดย JPMorgan Chase & Co (NYSE:JPM) ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับ วิกฤตสภาพคล่องในวงกว้างในภาคการธนาคารของสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลให้ดัชนีหลักในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทลดลงกว่า 1%
ASX 200 ของออสเตรเลียได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากการขาดทุนของธนาคาร โดยธนาคารขนาดใหญ่สี่แห่งของประเทศ ได้แก่ Commonwealth Bank Of Australia (ASX:CBA) Westpac Banking Corp (ASX:WBC) ANZ Group (ASX:ANZ) และ National Australia Bank (ASX:NAB) ลดลงมากกว่า 2% ในแต่ละรายการ
Nifty 50 ฟิวเจอร์ส ร่วงลง 0.5% ในการซื้อขายตลาดสิงคโปร์ ซึ่งบ่งชี้ถึงกความอ่อนแอของหุ้นกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่
หุ้นเทคโนโลยีในเอเชียร่วงลงตามผลประกอบการที่อ่อนแอเกินคาดจาก Advanced Micro Devices Inc (NASDAQ:AMD) ซึ่งตอกย้ำความต้องการเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกที่ชะลอตัว ดัชนี Taiwan Weighted ลดลง 0.4% ในขณะที่ดัชนี KOSPI ของเกาหลีใต้ลดลง 0.8%
ตลาดหุ้นเอเชียในวงกว้างปรับตัวลงเนื่องจากนักลงทุนเทขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงก่อนสิ้นสุดการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ในม้ายวันนี้ ธนาคารกลางได้รับการคาดหมายอย่างกว้างขวางว่าจะ ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25 จุดพื้นฐาน เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อเพิ่มเติม
แต่ตลาดได้แบ่งออกเป็นสองฝั่งว่าจากวิกฤตการณ์ธนาคารที่ก่อตัวขึ้นและภาวะเศรษฐกิจที่แย่ลงจะเป็นเหตุผลเพียงพอที่จะผลักดันให้เฟดหยุดวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยชั่วคราวหรือไม่
อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ มีแนวโน้มสูงกว่าช่วงเป้าหมายของเฟด และธนาคารก็ไม่ได้ให้ข้อบ่งชี้ว่ามีแผนจะลดท่าทีที่แข็งกร้าวลง สัญญาณใด ๆ เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดมีแนวโน้มที่จะสั่นคลอนหุ้นเอเชียต่อไป เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะส่งผลต่อความน่าสนใจของสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง
ความกลัวต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวยังส่งผลกระทบต่อตลาดเอเชียในสัปดาห์นี้ หลังจากตัวเลขภาคการผลิตที่ออกมาต่ำกว่าคาดจากจีน สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และยูโรโซน