InfoQuest - ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพุธ (12 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นบลูชิพที่มีทุนจดทะเบียนสูง และมีความหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อชะลอตัว
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 462.38 จุด เพิ่มขึ้น 0.59 จุด หรือ +0.13%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,396.94 จุด เพิ่มขึ้น 6.66 จุด หรือ +0.09%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,703.60 จุด เพิ่มขึ้น 48.43 จุด หรือ +0.31% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,824.84 จุด เพิ่มขึ้น 39.12 จุด หรือ +0.50%
ดัชนีหุ้นบลูชิพ STOXX 50 แตะระดับสูงสุดในรอบ 22 ปีนับตั้งแต่ปี 2544 ก่อนการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐ แต่ลดลงจากระดับสูงสุดดังกล่าวในเวลาต่อมา และปิดตลาดขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนมี.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.พ. และดัชนี CPI พื้นฐานเพิ่มขึ้น 5.6% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนมี.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 5.5% ในเดือนก.พ.
ขณะที่ข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐทำให้เกิดความหวังว่า เฟดจะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้น บรรดานักวิเคราะห์เตือนว่า อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่เหนือระดับเป้าหมายของเฟด และเฟดมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนพ.ค.
หุ้นที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย อาทิ หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ปรับตัวขึ้น 1.1% ขณะที่หุ้นกลุ่มเดินทางและนันทนาการ รวมถึงหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ปรับตัวขึ้นด้วย
ส่วนหุ้นกลุ่มปลอดภัย อาทิ กลุ่มเฮลท์แคร์และกลุ่มสาธารณูปโภค เป็นแรงหนุนมากที่สุดต่อหุ้นบลูชิพในดัชนี STOXX 50
หุ้นรายตัวที่ปรับตัวขึ้น อาทิ หุ้นเอบี วอลโว่ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตรถบรรทุก พุ่งขึ้น 7.4% หลังรายงานผลกำไรไตรมาสแรกสูงเป็นประวัติการณ์เนื่องจากรายได้และกำไรขั้นต้นเพิ่มสูงขึ้น
หุ้นเมอร์ซีเดส-เบนซ์ กรุ๊ป บวก 1% หลังยอดขายไตรมาสแรกเพิ่มขึ้นโดยได้แรงหนุนจากยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ระดับพรีเมียม