InfoQuest - ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพุธ (18 ม.ค.) โดยปรับตัวขึ้นติดต่อกันนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2564 โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน ขณะที่ความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีนได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มสินค้าหรูหรา โดยหุ้นแอร์เมสพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 457.53 จุด เพิ่มขึ้น 1.07 จุด หรือ +0.23%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,083.39 จุด เพิ่มขึ้น 6.23 จุด หรือ +0.09%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,181.80 จุด ลดลง 5.27 จุด หรือ -0.04% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,830.70 จุด ลดลง 20.33 จุด หรือ -0.26%
ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวขึ้น 6 วันติดต่อกันแล้ว โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวขึ้น ขณะที่การเปิดเผยผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนช่วยหนุนตลาดด้วย
นอกจากนี้ ดัชนี STOXX 600 ยังปรับตัวขึ้น 7.7% แล้วในปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากความหวังว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวหลังยกเลิกมาตรการควบคุมโรคโควิด-19, แรงกดดันด้านราคาลดลงตามราคาก๊าซธรรมชาติ และการคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ไม่รุนแรง
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นอย่างมากในยุโรป โดยหุ้นเกล็นคอร์ และแองโกล อเมริกัน พุ่ง 4% และ 2.5% ตามลำดับ ขณะที่ราคาโลหะทะยานขึ้นจากความหวังเกี่ยวกับอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจากจีน
หุ้นเอเอสเอ็ม อินเทอร์เนชันแนล เอ็นวี ซึ่งเป็นบริษัทจัดจำหน่ายเซมิคอนดักเตอร์ของเนเธอร์แลนด์ พุ่งขึ้น 9.8% หลังรายงานรายได้ไตรมาส 4 สูงเกินคาด
หุ้นริชมอนด์ บวก 0.7% หลังรายงานยอดขายรายไตรมาสเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักท่องเที่ยวเดินทางกลับไปยังยุโรปและญี่ปุ่น แต่ยอดขายในจีนร่วงลงเกือบ 25%
หุ้นเบอร์เบอรี่ของอังกฤษ พุ่งขึ้น 3.3% หลังจูลี่ บราวน์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงินเปิดเผยว่า เธอเห็นสัญญาณที่ดีในจีนในเดือนนี้ แม้การขยายตัวของยอดขายชะลอลงเหลือ 1% ในไตรมาส 4 ก็ตาม
หุ้นแอร์เมสปิดบวก 0.2% หลังแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงเช้า