InfoQuest - ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 11 ในวันจันทร์ (24 ก.ค.) ซึ่งเป็นการปิดในแดนบวกติดต่อกันยาวนานที่สุดในรอบ 6 ปี ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,411.24 จุด เพิ่มขึ้น 183.55 จุด หรือ +0.52%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,554.64 จุด เพิ่มขึ้น 18.30 จุด หรือ +0.40% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,058.87 จุด เพิ่มขึ้น 26.06 จุด หรือ +0.19%
แรนดี้ เฟรเดริค นักวิเคราะห์จาก Schwab Center for Financial Research กล่าวว่า นอกเหนือจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีแล้ว นักลงทุนยังส่งแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มต่าง ๆ เป็นวงกว้าง พร้อมกับจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ โดยบริษัทอัลฟาเบทและไมโครซอฟท์จะเปิดเผยผลประกอบการในวันอังคารที่ 25 ก.ค. ส่วนบริษัทเมตา แพลตฟอร์มส์ และอินเทลจะเปิดเผยผลประกอบการในวันพุธที่ 26 ก.ค.
ขณะที่ เครก เออร์แลม นักวิเคราะห์จากบริษัท OANDA กล่าวว่า นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงการประชุมเฟดในวันที่ 25-26 ก.ค. และการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 27 ก.ค. โดยนักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ทั้งเฟด และ ECB จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งอาจจะเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายสำหรับปีนี้
หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มการเงินพุ่งขึ้น 1.66% และ 1.01% ตามลำดับ ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มเฮลธ์แคร์ ปรับตัวลง 0.28% และ 0.23% ตามลำดับ
หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้นเกือบ 2% และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวก หลังจากบริษัทเปิดเผยข้อมูลเบื้องต้นว่า กำไรต่อหุ้นในไตรมาส 2/2566 อยู่ที่ 3.08 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.97 ดอลลาร์
หุ้นแมทเทล ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ตุ๊กตา "บาร์บี้ ((Barbie)" พุ่งขึ้น 1.8% หลังจากภาพยนตร์เรื่อง Barbie ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามในวันเปิดตัวฉาย
หุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้น นำโดยหุ้นอาลีบาบา และหุ้น JD.com ทะยานขึ้น 4.5% และ 3.5% ตามลำดับ หลังจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านนโยบายเศรษฐกิจของจีนประกาศเพิ่มมาตรการกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศ
นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้จะมีการเปิดเผยราคาบ้านเดือนพ.ค.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.จาก Conference Board
ส่วนในวันพุธจะมีการเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย., วันพฤหัสบดีจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิ.ย., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2566 และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (Pending Home Sales) เดือนมิ.ย. และในวันศุกร์จะเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนมิ.ย.