สำนักข่าวรอยเตอร์และวอชิงตัน โพสต์ รายงานว่า วันนี้สหรัฐฯ จะออกมาประกาศให้ประเทศที่ซื้อน้ำมันจากอิหร่านทั้งหมดยกเลิกการนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านโดยเร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นประเทศเหล่านั้นก็จะถูกคว่ำบาตรด้วยเช่นกัน จึงทำให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นราว 3 เปอร์เซ็นต์
รายงานข่าวระบุว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะยกเลิกข้อยกเว้นมาตรการคว่ำบาตรที่เคยอนุมัติให้แก่ประเทศผู้นำเข้าน้ำมันจากอิหร่านบางประเทศเมื่อปีที่แล้ว
ช่วงการซื้อขายเช้าวันนี้ที่ฝั่งเอเชีย สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ จากทั่วโลกราคาพุ่งขึ้นถึง 3.2% เท่ากับ $74.30 ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน ส่วนสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI ก็ไต่ขึ้นถึง 2.9% อยู่ที่ $65.87 ต่อบาร์เรล ทำระดับที่สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม
เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้บังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อการส่งออกน้ำมันอิหร่าน หลังประธานาธิบดีทรัมป์ถอนตัวจากสนธิสัญญาทางนิวเคลียร์ของปี 2015 ที่เป็นการลงนามระหว่างอิหร่านและประเทศมหาอำนาจอื่น ๆ อีกหกประเทศ
ทว่าสหรัฐฯ ก็ได้อนุมัติข้อยกเว้นมาตรการคว่ำบาตรให้แก่ประเทศผู้ซื้อรายหลักของอิหร่านเป็นจำนวน 8 ประเทศ ซึ่งเป็นการอนุญาตให้ประเทศเหล่านั้นสามารถสั่งซื้อน้ำมันในจำนวนจำกัดได้เป็นเวลาหกเดือน
ประเทศเหล่านั้นได้แก่ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ตุรกี อิตาลี และกรีซ
แต่เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ได้แสดงออกอย่างชัดเจนต่อสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ว่าเขาต้องการยุติข้อละเว้นดังกล่าว และนายจอห์น บอลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติก็กำลังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการจากภายในรัฐสภา
ในวันนี้รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ นายไมค์ ปอมเปโอ จะประกาศว่า "ตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคมเป็นต้นไป กระทรวงการต่างประเทศจะไม่อนุมัติข้อละเว้นมาตรการคว่ำบาตรให้แก่ประเทศใด ๆ ที่ยังนำเข้าน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติจากอิหร่านในปัจจุบันอีกต่อไป" นักเขียนคอลัมน์จากวอชิงตันโพสต์ นายจอช โรกิน เผยในรายงานข่าวที่อ้างอิงมาจากเจ้าหน้าที่รัฐฯ สองรายที่ไม่ได้ระบุชื่อ