โดย Detchana.K
Investing.com - บมจ.ไทยออยล์รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังพายุเฮอร์ริเคนซัลลี่ (Sally) ถล่มอ่าวเม็กซิโก ทำให้แท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐฯ ต้องหยุดดำเนินการผลิตราว 0.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน นอกจากนั้นหลายโรงกลั่นในบริเวณดังกล่าวต้องหยุดหรือลดดำเนินการผลิตเช่นกัน อาทิเช่นโรงกลั่น Phillips 66 หยุดดำเนินการผลิต และโรงกลั่น Shell ดำเนินการผลิตในระดับต่ำสุด
ด้านสถาบันปิโตรเลียมสหรัฐฯ (API) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคลังสหรัฐฯ ณ สัปดาห์สิ้นสุด 11 ก.ย. 63 ปรับลด 9.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งสวนทางกับนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันปี 2563 ลงราว 0.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน อยู่ที่ระดับ 91.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวค่อนข้างช้า และความกังวลการเกิดการแพร่ระบาดระลอกสองของโควิด-19 ซึ่งจะกดดันความต้องการใช้น้ำมันอีกครั้ง
ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังโรงกลั่นในเกาหลีคงกำลังการผลิตในระดับต่ำหรือลดกำลังการผลิต ประกอบกับโรงกลั่นในสหรัฐฯ หยุดดำเนินการ เนื่องจากพายุเฮอร์ริเคนซัลลี่เคลื่อนตัวสู่สหรัฐฯ ส่วนน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังความต้องการใช้น้ำมันดีเซลยังคงอ่อนแอ เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง น้ำท่วมในประเทศจีน และพายุเฮอร์ริเคนซัลลี่ถล่มสหรัฐฯ
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTIลดลง 59 เซนต์ อยู่ที่ 38.86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วน สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ บวก 42 เซนต์ อยู่ที่ 41.07 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล