โดย Barani Krishnan
Investing.com - ภาพรวมของตลาดพลังงานและโลหะมีค่าในสัปดาห์นี้มีดังต่อไปนี้
ภาพรวมตลาดพลังงาน
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเวสท์เท็กซัส ปรับตัวลด $2.33 หรือราว 9% ที่ $22.76 ต่อบาร์เรล หลังจากขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ $28.33 ต่อบาร์เรล โดยเมื่อเทียบเป็นรายสัปดาห์ราคาสัญญา WTI ทรุดตัวลงเกือบ 20%
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ ปิดที่ระดับ $31.48 ต่อบาร์เรล ลดลง $1.36 หรือคิดเป็น 4.1% หลังจากขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ $36.38 ต่อบาร์เรล และเมื่อเทียบเป็นรายสัปดาห์ราคาสัญญาเบรนท์ลดลงเกือบ 8%
การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาได้ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนรูปแบบการประชุมปกติของกลุ่ม OPEC ที่มักจะจัดขึ้น ณ กรุงเวียนนาเป็นการประชุมผ่านทางวิดีโอแทน โดยคณะรัฐมนตรีจากกลุ่ม OPEC ที่นำโดยซาอุดิอาระเบียจำเป็นต้องปรับตัวและรับมือกับการประชุมทางไกลร่วมกับรัสเซียและประเทศพันธมิตรอื่น ๆ
ปฏิทินตลาดพลังงานสัปดาห์นี้
วันจันทร์ที่ 13 เมษายน
ตัวเลขคาดการณ์ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังจาก Genscape Cushing (ตัวเลขภาคเอกชน)
วันอังคารที่ 14 เมษายน
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐรายสัปดาห์จาก สถาบันปิโตรเลียมแห่งอเมริกา (API)
วันพุธที่ 15 เมษายน
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐรายสัปดาห์จาก EIA
วันพฤหัสบดีที่ 16 เมษายน
ปริมาณ ก๊าซธรรมชาติ คงคลังสหรัฐรายสัปดาห์ จาก EIA
วันศุกร์ที่ 17 เมษายน
จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันรายสัปดาห์จาก Baker Hughes
ภาพรวมตลาดโลหะมีค่า
ประธานธนาคารกลางสหรัฐ นายเจอโรม พาวเวลล์ ได้ตั้งเป้ามูลค่าของมาตรการเยียวยาทางเศรษฐกิจเพื่อต่อกรกับการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ไว้ที่ 2.3 ล้านล้านดอลลาร์ และจึงทำให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 8 ปี
สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า สำหรับการส่งมอบเดือนมิถุนายนในตลาดโคเม็กซ์ของนิวยอร์กปิดบวก $70.80 หรือคิดเป็น 4.2% อยู่ที่ $ 1,736.20 ต่อออนซ์ จากก่อนหน้านี้ที่ขึ้นไปแตะ $1,754.20 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2012 โดยในสัปดาห์นี้ราคาทองคำสำหรับการส่งมอบเดือนมิถุนายนได้บวกขึ้นมาแล้ว 5.8%
ราคาทองคำโลก มีราคาปิดที่ 1,689.90 ปรับตัวขึ้น 0.4% โดยได้ขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ $1,690.53 และในสัปดาห์นี้ได้ทะยานขึ้นมาแล้วเกือบ 4.5%
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาเฟดได้ประกาศมาตรการเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 ที่มีมูลค่าสูงสุดถึง 2.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ รวมถึงให้คำมั่นสัญญาว่าจะช่วยเหลือภาคส่วนของตลาดการเงินที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากการระบาด โดยมาตรการช่วยเหลือของเฟดได้ตามมาหลังจากที่ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สามแล้ว โดยในสัปดาห์ล่าสุดตัวเลขได้เพิ่มขึ้นมาถึง 6.6 ล้านรายและทำให้ยอดผู้ว่างงานรวมทั้งหมดขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 17 ล้านรายภายในระยะเวลาเพียงสามสัปดาห์
เมื่อเดือนที่แล้วรัฐสภาสหรัฐอเมริกาก็ได้อนุมัติแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบของโควิด-19 เป็นมูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์
Tariq Zahir จาก Tyche Capital Advisors ได้ให้ความคิดเห็นไว้ว่า “เงินทุนทั้งหมดที่สภาคองเกรสและเฟดกำลังเร่งอัดฉีดนั้นถือเป็นแรงกระตุ้นในแง่บวกสำหรับทองคำ ผู้ลงทุนหลายท่านเล็งเห็นว่าปัจจัยดังกล่าวเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าทองคำจะไต่ขึ้นไปสู่ระดับสูงสุดที่ $1,800 และอาจสูงกว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ $1,900 ก็เป็นได้”
ที่ผ่านมาระดับ $1,700 ถือเป็นแนวต้านสำคัญสำหรับทองคำ และตั้งแต่ต้นปีจนถึงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าได้ทะลุแนวต้านเพียงสี่ครั้งในปีนี้ ได้แก่ครั้งแรกในเดือนมกราคม จากนั้นในเดือนมีนาคม และสองครั้งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก่อนที่จะย่อตัวลงเกือบจะทันที