โดย Liz Moyer
Investing.com -- ภาพรวมของสามประเด็นหลักฝั่งสหรัฐที่น่าสนใจประจำวันนี้มีดังต่อไปนี้
1. หุ้นเทคโนโลยีสดใสแม้อยู่ท่ามกลางการระบาด
เมื่อเวลาปิดตลาดในวันศุกร์ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นกลุ่มที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมที่สุดในดัชนี S&P 500 ปีนี้ บวกขึ้นกว่า 18% ขณะที่กลุ่มอื่น ๆ เคลื่อนไหวในแดนลบ และมีเพียงแค่อีกสองกลุ่มที่ปรับตัวขึ้น ได้แก่ กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย (ปรับตัวขึ้น 14%) และผู้ให้บริการสื่อสาร (ปรับตัวขึ้น 5.9%)
กลุ่มพลังงานเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด ทรุดตัวลงมาถึง 40.7% ในปีนี้เนื่องจากการใช้มาตรการล็อกดาวน์ได้ลดอุปสงค์การใช้น้ำมันและน้ำมันเบนซิน ส่วนกลุ่มการเงินก็ได้รับผลกระทบหนักเช่นกัน ติดลบ 23% ในปีนี้ และกลุ่มอุตสาหกรรมติดลบ 16%
ตลาดยังคงฝากความหวังไว้ที่หุ้นเทคโนโลยีต่อไป รวมทั้งจับตาบริษัทที่น่าจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วเมื่อทำการเปิดเศรษฐกิจได้สำเร็จ ซึ่งสัญญาณขณะนี้ค่อนข้างเป็นไปในทิศทางตลาดหมี และโดยรวมแล้วดัชนี S&P ติดลบ 1.4%
2. ธนาคารยักษ์ใหญ่รายงานผลประกอบการ
ธนาคารขนาดใหญ่หลายธนาคารจะรายงานผลประกอบการในวันนี้ และคาดว่าผลประกอบการของธนาคารส่วนใหญ่จะมีความอ่อนแออย่างมากเนื่องจากการล็อกดาวน์ที่กินเวลาส่วนใหญ่ในไตรมาสนี้
JPMorgan Chase & Co (NYSE:JPM) จะรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่สองในช่วงเช้าวันนี้ก่อนเวลาตลาดเปิด โดยผลคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ที่ Investing.com รวบรวมมา คาดว่ากำไรต่อหุ้นจะทรุดตัวลงมากกว่า 50% เหลือ $1.19 และคาดว่าจะมีรายได้ 3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ สูงกว่าไตรมาสที่สองของปีที่แล้ว 5%
Citigroup Inc (NYSE:C) ก็คาดว่าจะมีผลกำไรต่อหุ้น 89 เซนต์และมีรายได้ 1.87 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และ Wells Fargo & Company (NYSE:WFC) คาดว่าจะขาดทุน 10 เซนต์ต่อหุ้นและมีรายได้ 1.83 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
ช่วงนี้ธนาคารต่าง ๆ จำเป็นต้องหยุดซื้อหุ้นคืน เนื่องจากความกังวลว่าคุณภาพของลูกหนี้จะลดลงและส่งผลให้เกิดการขาดทุนในที่สุด
3. คาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคจะสูงขึ้น
ดัชนีราคาผู้บริโภคจะรายงานออกมาในเวลา 8:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (1230 GMT) และจากผลคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ที่ Investing.com รวบรวมมาคาดว่า ดัชนี CPI ในเดือนมิถุนายนจะสูงขึ้น 0.5% และสูงกว่า เดือนเดียวกันของปีที่แล้ว 0.6% ส่วน ดัชนี CPI พื้นฐาน เมื่อเทียบปีต่อปีแล้วคาดว่าจะสูงขึ้น 1.1%
ขณะที่ราคาน้ำมันเบนซินลดลงในระหว่างการระบาด ราคาน้ำมันดิบได้พลิกฟื้นจากขาลงและยืนอยู่ที่ $40 ต่อบาร์เรล ส่วนอุปสงค์น้ำมันก็ยังคงซบเซาอย่างเห็นได้ชัดจาก ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ที่รายงานออกมาในช่วงไม่กี่สัปดาห์นี้
ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์อาหารกลับมีราคาสูงขึ้น แม้ผู้บริโภคจะได้ประหยัดเงินบางส่วนจากราคาน้ำมันที่ถูกลงและกักตัวอยู่ในที่พักอาศัยระหว่างการล็อกดาวน์ก็ตาม