Investing.com - ราคาน้ำมันปรับลดลงในวันอังคารเนื่องจากนักลงทุนเห็นว่าอุปสงค์ที่มีต่อพลังงานหดตัว โดยข้อมูลที่ชี้ไปที่การชะลอตัวของการผลิตทั่วโลกสอดคล้องกับรายงานผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ที่จะประชุมกันในสัปดาห์นี้เพื่อพิจารณาว่าจะเพิ่มอุปทานหรือไม่
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ลดลง 24 เซนต์หรือ 0.2% เป็น 99.82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลภายในเวลา 06.34 GMT ในขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTIลดลง 10 เซนต์หรือ 0.1% เป็น 93.78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
การร่วงลงดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบเบรนท์ร่วงลงในวันจันทร์สู่ระดับต่ำสุดที่ 99.09 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม ส่วนน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดที่ 92.42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม
ในวันจันทร์ ตลาดยังคงกังวลมากขึ้นเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอย เนื่องจากข้อมูลจากการสำรวจเศรษฐกิจต่าง ๆ จาก สหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชียแสดงให้เห็นว่าโรงงานส่วนใหญ่ทำผลงานได้ไม่ดีนักในเดือนกรกฎาคม โดยที่อุปสงค์ทั่วโลกและมาตรการเข้มงวดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื่อโควิด19 ของจีนมีส่วนทำให้การผลิตของโรงงานชะลอตัว
ราคาที่ร่วงลงเกิดขึ้นในขณะที่ผู้เข้าร่วมตลาดรอผลการประชุมในวันพุธระหว่างองค์กรของประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) และพันธมิตรรวมถึงรัสเซียซึ่งรู้จักกันในนาม OPEC+ เพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับผลผลิตในเดือนกันยายน
แหล่งข่าวของ OPEC+ สองในแปดแห่งของรอยเตอร์ส กล่าวว่าจะมีการหารือเกี่ยวกับการเพิ่มผลผลิตขึ้นเล็กน้อยในเดือนกันยายนในการประชุมที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 ส.ค. นี้ ส่วนที่เหลือกล่าวว่ามีแนวโน้มที่ผลผลิตจะทรงตัว
นักข่าว Fox Business กล่าวว่าซาอุดีอาระเบียจะผลักดัน OPEC+ ให้เพิ่มการผลิตน้ำมันในที่ประชุม
ในขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรเมื่อวันจันทร์ ต่อบริษัทจีนและบริษัทอื่น ๆ ที่พวกเขากล่าวว่าได้ช่วยขายน้ำมันและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีของอิหร่านมูลค่าหลายสิบล้านดอลลาร์ให้แก่เอเชียตะวันออก ขณะที่พยายามเพิ่มแรงกดดันให้เตหะรานควบคุมโครงการนิวเคลียร์ ตามการรายงานของรอยเตอร์ส
นอกจากนี้ การที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ของแนนซี เพโลซีจะเยือนไต้หวันก็เพิ่มบรรยากาศตึงเครียดให้กับตลาด เพราะปักกิ่งไม่เห็นด้วยกับการเยือนครั้งนี้ โดยถือเป็นการเยือนครั้งแรกของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ในรอบ 25 ปี ซึ่งอาจเป็นการเพิ่มความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีน