โดย Zhang Mengying
Investing.com – ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเช้าวันศุกร์ในเอเชีย โดยเด้งกลับมาจากระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์หลังจากร่วงลงต่อเนื่องสองวัน เนื่องจากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ติดตามค่าเงินดอลลาร์เทียบกับกลุ่มสกุลเงินอื่น ๆ ปรับขึ้น 0.57% เป็น 104.014 เมื่อเวลา 00:49 น. ET (4:49 น. GMT)
USD/JPY พุ่งขึ้น 1.30% เป็น 133.93 ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ยังคงรักษานโยบายการเงินที่ผ่อนคลายเป็นอย่างมากแม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะสูงขึ้น และในขณะที่ธนาคารกลางทั่วโลกต่างใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวด ส่งผลให้เงินเยนอ่อนค่าลงอย่างมาก
“เนื่องจากมีปัจจัยภายนอกเกิดขึ้นหลาย ๆ อย่างที่อาจจะทำให้ธนาคารกลางญี่ปุ่นต้องทำอะไรสักอย่างในวันนี้ โดยความเสี่ยงหรือผลพลอยของค่าเงิน ดอลลาร์/เยน จะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจนั้นและการตัดสิจใจผิดคือการเอาความเสี่ยงออกจากสินทรัพย์” Ray Attrill เรย์ แอททริลล์ นักยุทธศาสตร์ ธนาคารแห่งชาติออสเตรเลีย (OTC:NABZY) กล่าวกับรอยเตอร์ส
“ตอนนี้ความเสี่ยงจากเหตุการณ์นั้นผ่านไปแล้ว และ BOJ ก็ยืนหยัดได้ มันสมเหตุสมผลอย่างยิ่งที่เราจะกลับไปที่ที่เรามา” จากคำกล่าวนี้ เขายังคงไม่เชื่อมั่นว่าค่าเงินดอลลาร์จะถึงจุดสูงสุดแล้ว
AUD/USD ลดลง 0.41% เป็น 0.7016 และ NZD/USD ลดลง 0.33% เป็น 0.6341
USD/CNY ลดลง 0.02% เป็น 6.7014 ในขณะที่ GBP/USD ลดลง 0.38% เป็น 1.2304
ธนาคารกลางทั่วโลกต่างกระตือรือร้นในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นโดยการออกนโยบายกระชับการเงิน
ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ประกาศเมื่อวันพุธว่าเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 1994 ธนาคารกลางสวิว ก็ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 50 จุดพื้นฐานในวันพฤหัสบดี ขณะที่ ธนาคารกลางอังกฤษ ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 1.25% ในวันเดียวกัน
ในด้านข้อมูล ตัวเลข การขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ของสหรัฐฯ ลดลงมาอยู่ที่ 229,000 รายในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 11 มิถุนายน ซึ่งต่ำกว่าจำนวน 232,000 รายจากสัปดาห์ก่อนเล็กน้อย
ค่าเงินบาท USD/THB อ่อนค่าต่อเนื่อง ซื้อขายที่ 35.245 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ