Investing.com - ค่าเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่องในพฤหัสบดี ล่าสุดในช่วงเช้า ปรับตัวขึ้นสูงถึง 33.97 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ ที่ได้จากการเทียบเงินดอลลาร์กับสกุลเงินอื่น 6 สกุล ปรับตัวขึ้นที่ระดับ 94.34 จุด กดดันค่าเงินสกุลอื่นอย่าง เยนและ ยูโรลง รวมถึงทำให้ทองคำปรับตัวลงมาอยู่ที่ 1,729 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกด้วย
การแข็งค่าขึ้นของดอลลาร์ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่กดดันค่าเงินบาทให้อ่อนค่าลง หลังเศรษฐกิจยังคงมีความเสี่ยงหลายปัจจัยกดดัน ปัญหาหนี้สินจาก China Evergrande Group (HK:3333) และ การขยายเพดานหนี้สหรัฐ ที่เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังเตือนว่า หากไม่สำเร็จจะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อเศรษฐกิจ ด้าน เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เตือนถึงความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในระยะกลาง และอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงขึ้นในปีนี้
ปัจจัยดังกล่าวนี้ทำให้นักลงทุนหันมาถือเงินดอลลาร์มากขึ้นในฐานะสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง
แนวโน้มค่าเงินบาทในระยะสั้นนี้ยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ แม้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทย จะมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.5% ช่วยตรึงค่าเงินบาทในช่วงบ่ายวานนี้เล็กน้อย แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะดึงเงินบาทให้แข็งค่าไว้ได้ แนวต้านสำคัญของเงินบาทยังคงอยู่ที่ 34 บาทต่อดอลลาร์ หากทะลุแนวต้านนี้ นักลงทุนคาดว่าเงินบาทอาจอ่อนค่าถึง 34.25 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
สถานการณ์โควิดในประเทศไทยวันนี้ยังคงเป็นปัจจัยลบต่อค่าเงินบาทเช่นกัน โดยไทยพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 11,646 ราย เสียชีวิตอีก 107 ราย