Investing.com ค่าเงินบาท อ่อนค่าหนัก ขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี 2 เดือนที่ 33.550 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นในเช้าวันพฤหัสบดี เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) วางแผนที่จะเริ่มลดสินทรัพย์และเพิ่มการขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด
ล่าสุดในช่วงบ่ายค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยที่ระดับ 33.44 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ประธานธนาคารกลาง เจอโรม พาวเวลล์ กล่าวเป็นนัยในการแถลง ส่งมอบการตัดสินใจด้านนโยบาย ของธนาคารกลางสหรัฐเมื่อคืนนี้ว่า ธนาคารกลางจะเริ่มลดการซื้อพันธบัตรโดยจะสิ้นสุดกลางปี 2565 ซึ่งนักวิเคราะห์ประเมินว่าจะเริ่มนโยบายเร็วสุดประมาณเดือนพฤจิกายน 2564
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย ระบุในบทวิเคราะห์ที่ส่งให้ Investing.com ว่า “จากสถิติในอดีตของการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรก 3 ครั้งที่ผ่านมา เราพบว่า เงินดอลลาร์มีแนวโน้มทยอยแข็งค่าขึ้นไม่น้อยกว่า 3% ก่อนที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรก”
จากปัจจัยภายนอกนี้ อาจทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าทะลุแนวต้านได้
นอกจากนี้ตลาดกำลังจับตาสถานการณ์ China Evergrande Group (HK:3333) ที่ล่าสุดแม้ว่าได้คลี่คลายความกังวลไปส่วนหนึ่งแล้ว จากการที่ตัวแทนบริษัทได้ "เคลียร์" การชำระหนี้ที่ครบกำหนดในวันพฤหัสบดีจากพันธบัตร 5.8% ในเดือนกันยายน 2568 เรียบร้อยแล้วผ่าน "การเจรจาส่วนตัว" แต่นักลงทุนบางส่วนยังเคลือบแคลงว่าจะชำระหนี้ตามกำหนดได้จริงหรือไม่ เนื่องจากบริษัทยังต้องมีการจ่ายดอกเบี้ยพันธบัตรมูลค่า 47.5 ล้านดอลลาร์ ที่กำลังจะครบกำหนดชำระในสัปดาห์หน้า ความกังวลดังกล่าวหนุนให้นักลงทุนหันมาถือเงินดอลลาร์มากขึ้นเนื่องด้วยเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย จนกว่าความกังวลจะคลี่คลาย
ในส่วนของปัจจัยภายในประเทศนั้น ปัญหาการระบาดของโควิด-19 ยังคงอยู่ ผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มขึ้น 13,256 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 131 ราย ยังไม่มีปัจจัยบวกที่ช่วยให้ค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่า
จับตา ทุนสำรองระหว่างประเทศ ที่จะประกาศในช่วงบ่ายวันนี้