ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 35.53 แกว่งในกรอบ รอติดตามถ้อยแถลงประธานเฟด

เผยแพร่ 09/11/2566 16:28
© Reuters.  ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 35.53 แกว่งในกรอบ รอติดตามถ้อยแถลงประธานเฟด
USD/THB
-

InfoQuest - นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงิน บาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 35.53 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าเล็กน้อยจากปิดวันก่อนที่ระดับ 35.59 บาท/ดอลลาร์ สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท คาดว่าจะแกว่งตัว sideway ในกรอบไปก่อน ในช่วงก่อนตลาดทยอยรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ หรือจนกว่า ตลาดจะมีการปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดที่ชัดเจน "การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงที่ผ่านมา อาจทำให้ผู้นำเข้าบางส่วน ทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์ได้บ้าง อีกทั้งในช่วงนี้ ราคาทองคำ และราคาน้ำมันดิบต่างปรับตัวลงต่อเนื่อง ทำให้มีโฟลว์ธุรกรรมซื้อสินค้าโภคภัณฑ์จากผู้เล่นในตลาดเพิ่มเติม ซึ่งอาจชะลอการ แข็งค่าของเงินบาทได้ไม่ยาก" นายพูน ระบุ วันนี้ไฮไลท์สำคัญ จะอยู่ที่ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก ทั้งธนาคารกลางสหรัฐ (FED) และธนาคารกลาง ยุโรป (ECB) โดยตลาดจะรอลุ้นถ้อยแถลงของประธานเฟดที่คาดว่าจะมีการกล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และทิศทางนโยบายการเงิน ของเฟดมากขึ้น และอาจส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินได้พอสมควร นายพูน คาดกรอบเงินบาทวันนี้ จะอยู่ที่ระดับ 35.45-35.65 บาท/ดอลลาร์ SPOT ล่าสุด อยู่ที่ระดับ 35.46000 บาท/ดอลลาร์

* ปัจจัยสำคัญ - เงินเยนอยู่ที่ระดับ 150.88 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานที่ระดับ 150.70/73 เยน/ดอลลาร์ - เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0712 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานที่ระดับ 1.0666/0670 ดอลลาร์/ยูโร - อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 35.523 บาท/ดอลลาร์ - "เศรษฐา" ร่วมการประชุมผู้นำเอเปคที่สหรัฐ 11-17 พ.ย.นี้ ยึดพื้นที่แสดงศักยภาพเศรษฐกิจไทย สบช่อง จบเทคคอมพา นีสหรัฐพาเหรดลงทุนไทย จ่อปิดดีล "ไมโครซอฟท์" ลุยพลังงานสะอาด พร้อมโชว์บิ๊กโปรเจกต์ "แลนด์บริดจ์" ดึงทุนนอก ร่วมแผนพีพีพี ไทย ด้าน "นภินทร" ร่วมกล่าวถ้อย แถลงการเชื่อมโยงภูมิภาคเวทีรัฐมนตรีการค้า - ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยว่า เตรียมเข้าพบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กลาง เดือน พ.ย.นี้ เพื่อหารือจัดตั้งกองทุนระยะยาว เสริมสภาพคล่องตลาดหุ้นไทย เช่น แนวทางการฟื้นกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ซึ่ง ประเมินว่าจะเป็นประโยชน์ต่อตลาดทุนในทันทีเพราะนักลงทุนมีความคุ้นเคย รวมถึงแนวทางการนำกองทุนรวม เพื่อส่งเสริมการออมระยะ ยาว (SSF) ที่จะหมดอายุในปีหน้ามาปรับปรุงเป็นการเติมเม็ดเงินลงทุนสู่ตลาดหุ้นไทย หรือการจัดตั้งกองทุนใหม่ๆ - กระทรวงการคลัง กำลังพิจารณามาตรการส่งเสริมภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการลดขั้นตอนการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มแก่นัก ท่องเที่ยวต่างชาติ (แวต รีฟันด์) เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ชาวต่างชาติ ซึ่งได้หารือร่วมกับกรมสรรพากรและกรมศุลกากร ถึงแนวทาง การลดขั้นตอน เช่น การจัดตั้งจุดให้บริการคืนภาษีเพียงจุดเดียว เพื่อให้บริการพิธีการตรวจสินค้าจากกรมศุลกากรและการคืนภาษีของกรม สรรพากรมาไว้ที่เดียวกัน - รายงานเศรษฐกิจดิจิทัลเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จัดทำโดยกูเกิล, เทมาเสก และ Bain & Company ระบุว่า แม้ภาวะ เศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนอยู่มาก แต่เศรษฐกิจดิจิทัลไทย จะสามารถเติบโตได้อย่างน่าทึ่ง โดยคาดว่ามูลค่าสินค้ารวมจะขยับขึ้นสู่ 36,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปีนี้ หรือประมาณ 1.2 ล้านล้านบาท เติบโต 16% มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ในภูมิภาค รองจากอินโดนีเซีย - ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (8 พ. ย.) ขณะที่นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับ ทิศทางอัตราดอกเบี้ย หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายราย ได้ออกมาส่งสัญญาณสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย - สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ในวันพุธ (8 พ.ย.) หลังจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลายรายได้สนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบ เดือนธ.ค. ลดลง 15.70 ดอลลาร์ หรือ 0.80% ปิดที่ 1,957.80 ดอลลาร์/ออนซ์ - นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในงานเสวนา 24th Jacques Polak Annual Research Conference ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ในเวลา 14.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับวันศุกร์ที่ 10 พ. ย. เวลา 02.00 น.ตามเวลาไทย ในหัวข้อ "Monetary policy challenges in a global economy" หรือ "ความท้าทายของ นโยบายการเงินในเศรษฐกิจโลก" - ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ที่จะมีการรายงานในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนี ความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้น เดือนพ.ย. จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน - สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ บริโภค ปรับตัวลง 0.2% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจจีนกำลังเผชิญกับความยากลำบาก ในการฟื้นตัวหลังผ่านพ้นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แม้ว่ารัฐบาลจีนได้ประกาศใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย