💎 ดูบริษัทต่าง ๆ ที่มีสุขภาพทางการเงินที่ดีที่สุดในตลาดปัจจุบันเริ่มต้นเลย

ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 35.23 อ่อนค่า หลังตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯ หนุนดอลลาร์แข็งค่า

เผยแพร่ 07/07/2566 16:14
ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 35.23 อ่อนค่า หลังตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯ หนุนดอลลาร์แข็งค่า

InfoQuest - นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 35.23 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อน ค่าจากปิดตลาดช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 35.07 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากดอลลาร์แข็งค่าหลังได้รับแรงหนุนจากตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน และดัชนี ISM ภาคบริการของสหรัฐฯ ที่ประกาศเมื่อคืนนี้ออกมาดีเกินกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ส่งผลให้บอนด์ยีลด์ปรับตัวพุ่งขึ้น ซึ่งทำให้ ตลาดมั่นใจว่าการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในเดือน ก.ค.นี้จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างแน่นอน และไม่รู้ว่าการปรับขึ้นดอก เบี้ยของเฟดจะจบเมื่อไหร่ "บาทอ่อนค่าจากเย็นวานนี้ขึ้นมามาก เนื่องจากดอลลาร์ได้รับหลายปัจจัยหนุนให้แข็งค่า" นักบริหารเงิน กล่าว นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 35.10 - 35.35 บาท/ดอลลาร์ SPOT ล่าสุด อยู่ที่ระดับ 35.27750 บาท/ดอลลาร์

* ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 144.05 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 144.11/12 เยน/ดอลลาร์ - เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0883 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.0867/0867 ดอลลาร์/ยูโร - อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 35.109 บาท/ดอลลาร์ - ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวางแผนโกลบอลมาร์เกตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่าภาพรวมของค่า เงินและ ดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปี 66 ประเมินทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐ เป็นปัจจัยชี้นำค่าเงิน โดยครึ่งปีแรกเงินบาทเคลื่อนไหวในโซนอ่อน ค่า แต่ยังเกาะกลุ่มไปกับสกุลเงินในภูมิภาค ขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนถ่วงค่าเงินหยวนลง ส่วนครึ่งปีหลังเงินบาทมีแนวโน้ม ผันผวนในทิศทางแข็งค่า คาดว่าสิ้นปี 66 ที่ 33.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ บนสมมุติฐานที่ว่าสหรัฐ ใกล้ยุติการขึ้นดอกเบี้ย การฟื้นตัวของ เศรษฐกิจจีน รวมถึงสถานะดุลบัญชีเดินสะพัดที่ได้แรงส่งเชิงบวกจากภาคท่องเที่ยว - "สมาคมตราสารหนี้" ชี้ "สตาร์ค" กระทบหุ้นกู้เรตติ้งตั้งแต่ BBB ระดมทุนยาก เหตุนักลงทุนขาดความเชื่อมั่น เผยครึ่งปี แรกเอกชนขายหุ้นกู้แล้ว 6 แสนล้าน เชื่อทั้งปไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาท - "บิ๊กตู่" นำรายชื่อ "ประธาน-รองประธานสภาทั้ง 2 คน" ขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว "พิเชษฐ์" ว่าที่ รองประธานสภาแย้ม ไทม์ไลน์เลือกนายกฯ 3 ครั้ง 13 กรกฎาคม เลือกต่อ 19-20 กรกฎาคม ชี้ถ้า 3 ครั้งไม่ได้ ทั้ง 8 พรรคไปหารือใหม่ - "เฟทโก้" ชี้ปัจจัย กดดันการเมืองทำนักลงทุนชะลอซื้อหุ้น บ่งชี้ผ่าน ดัชนีตลาดวานนี้ (6 ก.ค.) ร่วงแรง 22 จุด ย้ำหาก ตั้งรัฐบาลใหม่ราบรื่น หนุนฟันด์โฟลว์ ไหลกลับ มองระยะยาวมองพื้นฐานเศรษฐกิจไทย แข็งแกร่ง จากนักท่องเที่ยวพุ่ง-นักธุรกิจจีนสนใจลง ทุนทางตรงประเทศไทยเพิ่ม - ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐพุ่งขึ้น 497,000 ตำแหน่งใน เดือนมิ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 220,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 267,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. - กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 12,000 ราย สู่ระดับ 248,000 รายใน สัปดาห์ที่แล้ว และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 245,000 ราย - สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) ประจำเดือนพ.ค. พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงานอยู่ที่ระดับ 9.824 ล้านตำแหน่ง ซึ่งแม้ว่าลดลง 496,000 ตำแหน่ง แต่ตัวเลขดังกล่าวยังคงอยู่ในระดับที่สูง - นักลงทุนเทน้ำหนักมากกว่า 90% ในการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ หลัง ภาคเอกชนสหรัฐมีการจ้างงานที่แข็งแกร่งในเดือนมิ.ย. ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 96.1% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค. และให้น้ำหนักเพียง 3.9% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.00-5.25% - ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (6 ก.ค.) หลังจากที่แข็งค่าขึ้นอย่างมากในระหว่างวัน อันเนื่องมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าปรับ ขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังมีข้อมูลบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง - สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี (6 ก.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร สหรัฐ และความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังมีข้อมูลบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงแข็ง แกร่ง - ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในวันนี้ สหรัฐจะรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 225,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. หลังจากที่พุ่งขึ้น 339,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. และคาดว่าอัตราว่างงาน จะปรับตัวลงสู่ระดับ 3.6% ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 3.7% ในเดือนพ.ค.

กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย