InfoQuest - นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ อยู่ที่ระดับ 34.29 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจาก เปิดตลาดช่วงเช้าที่ระดับ 34.46 บาท/ดอลลาร์ เงินบาทเย็นนี้แข็งค่าจากช่วงเช้า ในขณะที่สกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาคเป็นแบบผสม คือ มีทั้งอ่อนค่า และแข็งค่าเมื่อเทียบกับ ดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ เงินบาทกลับมาแข็งค่าตามเงินหยวน เนื่องจากตัวเลข GDP ไตรมาส 1 ปีนี้ของจีนออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยจากตัวเลขค่าจ้างของอังกฤษที่ออกมาดีกว่าคาด ทำให้ตลาดมองว่ามีโอกาสมากขึ้นที่ธนาคารกลาง อังกฤษ (BoE) จะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพ.ค.นี้ อีก 0.25% ส่งผลให้เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ "จากปัจจัยของ GDP จีน และค่าจ้างของอังกฤษ ที่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด ทำให้ทั้งเงินหยวน และเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อ เทียบกับดอลลาร์" นักบริหารเงิน ระบุ นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 34.15 - 34.40 บาท/ดอลลาร์
* ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 134.08 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 134.51 เยน/ดอลลาร์ - เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0973 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0932 ดอลลาร์/ยูโร - ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,593.85 จุด ลดลง 6.56 จุด (-0.41%) มูลค่าการซื้อขาย 39,892 ล้านบาท - สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 2,788.78 ลบ.(SET+MAI) - อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยสถานการณ์ของสายพันธุ์โควิด-19 ในประเทศไทยว่า พบสายพันธุ์ลูกผสม XBB รวม ถึง XBB.1.5, XBB.1.9.1 และ XBB.1.16 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีแนวโน้มทดแทนสายพันธุ์หลักเดิม BN.1 ซึ่งผู้ติดเชื้อโอมิครอน สายพันธุ์ XBB.1.16 ในประเทศไทย พบแล้ว 27 ราย พร้อมเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ต่อไป - นพ.ยง ภู่วรวรรณ ชี้การระบาดรอบใหม่ของโควิด-19 เพิ่งเริ่มต้น คาดว่าจะเริ่มสูงขึ้นตั้งแต่กลางเดือนพ.ค. ไปถึงจุดสูง สุดเดือนมิ.ย.เนื่องจากเป็นฤดูฝน, นักเรียนเปิดเทอม ซึ่งนักเรียนเป็นผู้แพร่กระจายที่ดี และแม้จะเป็นแล้ว ก็มีโอกาสเป็นได้อีก โดยการ ระบาดจะเริ่มลดลงในเดือนก.ย. ตามฤดูกาลของโรคทางเดินหายใจ - สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน เผย GDP ไตรมาส 1/2566 ขยายตัว 4.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี แข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์ คาดการณ์ไว้ ทั้งนี้ ตลาดการเงินทั่วโลกจับตาตัวเลข GDP ไตรมาส 1 ของจีนอย่างใกล้ชิด หลังจากรัฐบาลจีนประกาศยุตินโยบายซีโร่โค วิดซึ่งเคยถูกบังคับใช้เป็นเวลานานถึง 3 ปี และส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจจีนในช่วงที่ผ่านมา - นักเศรษฐศาสตร์ระบุว่า ธนาคารกลางบางประเทศ อาจมาถึงจุดสิ้นสุดของวงจรการคุมเข้มนโยบายการเงินแล้วและเริ่ม เปลี่ยนมามุ่งความสนใจไปยังการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจผ่านการลดอัตราดอกเบี้ย - ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนเม.ย. โดยระบุว่า คณะกรรมการ RBA อาจ จะใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินต่อไป แม้ได้คงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจดัง กล่าวจะขึ้นอยู่กับทิศทางเงินเฟ้อและเศรษฐกิจเป็นส่วนใหญ่ - ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะมีการรายงานในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนมี. ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดขายบ้านมือสองเดือนมี.ค., ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนมี.ค.จาก Conference Board, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต และภาคบริการขั้นต้นเดือนเม.ย.