InfoQuest - นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 34.20/21 บาท/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ เปิดตลาดที่ระดับ 34.25 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 34.10 - 34.35 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทยังไร้ปัจจัยใหม่ วิ่งตามแรงซื้อขายทั่วไป เช่นเดียวกับสกุลเงินในภูมิภาค โดยเงินบาทช่วงเย็นวิ่งในแนว แข็งค่า นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 34.00 - 34.30 บาท/ดอลลาร์ สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่จะเปิดเผยคืนนี้ คือ ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนก.พ. และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.พ.
* ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 132.82/85 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 132.65 เยน/ดอลลาร์ - เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0928/0932 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0897 ดอลลาร์/ยูโร - ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,594.05 จุด ลดลง 6.32 จุด (-0.39%) โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 41,629 ล้านบาท - สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,427.07 ลบ. (SET+MAI) - ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ระบุว่า การส่งออกของไทยในปี 66 มีปัจจัยที่ท้าทาย มากขึ้น และมีโอกาสที่จะเติบโตได้ไม่ถึง 1% แต่ทั้งนี้ สรท. ยังคงเป้าหมายการส่งออกในปีนี้ไว้ตามเดิมที่ 1-2% ไปก่อน และรอให้คณะ กรรมการชุดใหม่มีการประเมินและตัดสินใจอีกครั้ง พร้อมกันนี้ ยังคาดว่าการส่งออกของไทยในช่วงไตรมาส 1/66 จะหดตัวราว 10% (YoY) เนื่องจากเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/65 การส่งออกของไทยมีการเติบโตค่อนข้างสูง และคาดว่าการส่งออกในไตรมาส 2/66 อาจจะยังไม่ฟื้นตัวนัก โดยจะยังหดตัวราว 5% แต่หลังจากนั้นไปแล้ว การส่งออกของไทยจะขึ้นกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า เช่น จีน สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป เป็น สำคัญ - มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 66 คาดว่า จะมีเม็ด เงินสะพัด 125,203 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 17.3% โดยจะทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้โตเพิ่มขึ้นอีก 0.5-0.7% จากประมาณการเดิม ทั้ง นี้ ประชาชนมีพฤติกรรมซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปี 65 แต่ยังคงระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอย เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังโต แบบ K Shape โดยค่าใช้จ่ายในประเทศเฉลี่ยอยู่ที่ 7,091 บาท/คน ส่วนการท่องเที่ยวต่างประเทศ เฉลี่ยที่ 45,681 บาท/คน - รัฐมนตรีคลังสหรัฐ เปิดเผยว่า การที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตรหรือโอเปกพลัส ประกาศลด กำลังการผลิตอย่างเหนือความคาดหมายนั้น ถือเป็นการดำเนินการที่ไม่สร้างสรรค์ เพราะจะส่งผลให้แนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจทั่ว โลกเผชิญกับความไม่แน่นอน และเป็นการเพิ่มภาระให้กับผู้บริโภคในช่วงเวลาที่เงินเฟ้ออยู่ในระดับสูงมาก - ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) ระบุในรายงานในวันนี้ว่า เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ในภูมิภาคเอเชียมีแนว โน้มที่จะขยายตัวเร็วขึ้นในปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากการที่จีนเปิดประเทศหลังจากบังคับใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Zero Covid) อย่างเข้ม งวดมานานหลายปี แต่ขณะเดียวกันสงครามในยูเครน และภาวะปั่นป่วนของภาคธนาคารในสหรัฐและยุโรปยังคงสร้างความเสี่ยงต่อการเติบ โตทางเศรษฐกิจ - ธนาคารโลก เผยแพร่รายงานคาดการณ์เศรษฐกิจภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก (EAP) ฉบับล่าสุดเดือนเม.ย. 66 โดยคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกจะขยายตัว 5.1% ในปีนี้ จากที่เคยคาดการณ์ในเดือนต.ค. ว่าจะขยาย ตัว 4.6% หลังจากที่ขยายตัว 3.5% ในปี 65 - ผลสำรวจล่าสุดที่จัดทำโดยธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยว่า ผู้บริโภคในยูโรโซนปรับลดการคาดการณ์เงินเฟ้อใน เดือนก.พ. และยังมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อการเติบโตของเศรษฐกิจและการว่างงาน