Investing.com - ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในวันนี้ โดยนักลงทุนต่างรอคอยข้อมูลตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์และข้อมูลกิจกรรมการผลิตในสหรัฐฯ ขณะที่ตัวเลขในจีนแสดงถึงการปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย และราคาบ้านในสหราชอาณาจักรยังคงแข็งแกร่ง Apple กลายเป็นจุดสนใจหลักเมื่อบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่เสนอส่วนลด iPhone ในจีน
1. Apple เสนอส่วนลดในจีน
Apple (NASDAQ:AAPL) เสนอส่วนลดสำหรับ iPhone รุ่นล่าสุดในจีน ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่ไม่ค่อยเกิดขึ้น บ่งชี้ถึงการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากผู้ผลิตในประเทศในตลาดสมาร์ทโฟนที่ใหญ่ที่สุดในโลก
โปรโมชั่นดังกล่าวเริ่มตั้งแต่วันที่ 4-7 มกราคม ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ของบริษัท และครอบคลุม iPhone หลายรุ่น
Apple กำลังเผชิญกับส่วนแบ่งตลาดที่ลดลงในจีน โดยการแข่งขันจากผู้ผลิตในท้องถิ่นมีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะ Huawei ซึ่งกลายเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งมาก Huawei เพิ่งปรับลดราคาสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ระดับไฮเอนด์หลายรุ่นในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
Apple เคยหลุดจากอันดับผู้ขายสมาร์ทโฟน 5 อันดับแรกในจีนในไตรมาสที่ 2 ของปี 2024 ก่อนที่จะกลับมาในไตรมาสที่ 3 อย่างไรก็ตาม ยอดขายสมาร์ทโฟนของ Apple ในจีนลดลง 0.3% ในไตรมาสที่ 3 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ในขณะที่ยอดขายของ Huawei พุ่งขึ้น 42% ตามข้อมูลจากบริษัทวิจัย IDC
2. หุ้นฟิวเจอร์สขยับขึ้น ก่อนข้อมูลการว่างงานและ PMI ภาคการผลิต
หุ้นฟิวเจอร์สสหรัฐปรับตัวขึ้นในวันนี้ โดยปี 2025 เริ่มต้นด้วยแรงหนุนจากผลตอบแทนที่แข็งแกร่งในปีที่ผ่านมา
ณ เวลา 15:50 น. (GMT+7) ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส เพิ่มขึ้น 140 จุด หรือ 0.3% S&P 500 ฟิวเจอร์ส เพิ่มขึ้น 30 จุด หรือ 0.5% และ Nasdaq 100 ฟิวเจอร์ส เพิ่มขึ้น 140 จุด หรือ 0.7%
ดัชนีหลักยังคงทำกำไรในปี 2024 แม้จะลดลงเล็กน้อยในวันสุดท้ายของปี โดย S&P 500 เพิ่มขึ้น 23% ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้นเกือบ 13% และ Nasdaq คอมโพสิต ซึ่งเน้นหุ้นเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น 29%
ตลาดหุ้นสหรัฐอาจเผชิญกับความท้าทายในการรักษาระดับการเติบโตที่แข็งแกร่งในปี 2025 เนื่องจากเฟดส่งสัญญาณถึงท่าทีระมัดระวังต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ในสัปดาห์นี้ซึ่งเป็นสัปดาห์ที่มีวันหยุดนั้นมีข้อมูลเศรษฐกิจเพียงเล็กน้อย แต่ในวันนี้นักลงทุนจะต้องจับตาดูตัวเลข ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และข้อมูล PMI ภาคการผลิต ของ S&P Global สำหรับเดือนธันวาคม ก่อนที่รายงานการจ้างงานรายเดือนอย่างเป็นทางการจะเปิดเผยในสัปดาห์หน้า
3. กิจกรรมภาคการผลิตของจีนต่ำกว่าการคาดการณ์
กิจกรรมการผลิตของจีนขยายตัวในเดือนธันวาคม แต่ในอัตราที่ช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ ชี้ให้เห็นว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุดยังไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดัชนี PMI ภาคการผลิต ของ Caixin เพิ่มขึ้นเป็น 50.5 ในเดือนธันวาคม เทียบกับที่คาดการณ์ไว้ที่ 51.6 และ 51.5 ในเดือนก่อนหน้า
การสำรวจของ Caixin นี้เผยแพร่เพียงไม่กี่วันหลังจากที่ดัชนี PMI ของรัฐบาลระบุว่าภาคการผลิตขยายตัวในเดือนธันวาคม แต่ในอัตราที่ต่ำกว่าความคาดหวังเช่นกัน
รายงานของ Caixin แตกต่างจากการสำรวจของรัฐบาลในแง่ของขอบเขต โดยการสำรวจของรัฐบาลจะมุ่งเน้นไปที่องค์กรขนาดใหญ่ที่ดำเนินงานโดยรัฐในภาคเหนือ ขณะที่ Caixin ครอบคลุมบริษัทเอกชนขนาดเล็กในภาคใต้ นักลงทุนมักใช้การสำรวจทั้งสองแบบเพื่อสร้างภาพรวมที่ครอบคลุมของเศรษฐกิจจีน
ปักกิ่งได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายประการตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน แต่ยังคาดว่าจะมีการประกาศมาตรการขนาดใหญ่เพิ่มเติมในปี 2025 เพื่อต่อสู้กับอุปสรรคทางการค้าที่เพิ่มขึ้นในขณะที่โดนัลด์ ทรัมป์กลับมาเป็นประธานาธิบดี
ทรัมป์ได้ให้คำมั่นที่จะกำหนดภาษีการค้าขั้นสูงต่อจีน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกที่กำลังพยายามฟื้นฟูการเติบโต
4. ภาคอสังหาริมทรัพย์ในสหราชอาณาจักรยังคงแข็งแกร่ง
ราคาบ้านในสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้นในเดือนธันวาคม ตามรายงานของ Nationwide ผู้ให้บริการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย โดยตลาดอสังหาริมทรัพย์ของประเทศยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ราคาบ้าน เพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนธันวาคม เทียบกับการเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนพฤศจิกายน ตามข้อมูลของ Nationwide
ความแข็งแกร่งของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในสหราชอาณาจักรนั้นสร้างความประหลาดใจให้กับหลายฝ่าย เนื่องจากมีสัญญาณการชะลอตัวในกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม โดยราคาบ้านในปี 2024 เพิ่มขึ้น 4.7% เมื่อเทียบกับระดับของเดือนธันวาคม 2023 สูงกว่าการเติบโต 3.7% ในเดือนพฤศจิกายน และเป็นอัตราการเติบโตประจำปีที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปลายปี 2022
“กิจกรรมในตลาดสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและราคาบ้านพิสูจน์แล้วว่ายังคงแข็งแกร่งในปี 2024 แม้จะมีความท้าทายด้านความสามารถในการซื้อของผู้ซื้อ” โรเบิร์ต การ์ดเนอร์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Nationwide กล่าว
5. ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นจากความหวังต่อการเติบโตของจีน
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นในวันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากการลดลงของปริมาณน้ำมันคงคลังในสหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนกำลังจับตาการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก
น้ำมันดิบ WTI ฟิวเจอร์สเพิ่มขึ้น 0.4% มาเป็น 71.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ น้ำมันดิบเบรนท์ฟิวเจอร์ส เพิ่มขึ้น 0.3% เป็น 74.87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง กล่าวในสุนทรพจน์ปีใหม่เมื่อวันอังคารว่าจีนจะใช้นโยบายเชิงรุกมากขึ้นเพื่อส่งเสริมการเติบโตในปี 2025
กิจกรรมการผลิตของจีนเติบโตในเดือนธันวาคม ตามผลสำรวจของ Caixin และ S&P Global ที่เผยแพร่ในวันนี้ แต่ในอัตราที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้
ข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับผลสำรวจอย่างเป็นทางการที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร และบ่งชี้ว่าผลกระทบจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจกำลังค่อย ๆ ซึมเข้าสู่เศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก
สถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน (API) รายงานเมื่อวันอังคารว่าปริมาณสินค้าคงคลังน้ำมันในสหรัฐฯ ลดลง 1.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ข้อมูลอย่างเป็นทางการจาก สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐ (EIA) มีกำหนดการณ์จะเผยแพร่ในวันนี้ โดยการลดลงของปริมาณน้ำมันคงคลังในสหรัฐฯ มักบ่งชี้ถึงความต้องการใช้น้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น