โดย Noreen Burke
Investing.com - ห้าประเด็นหลักที่คุณควรทราบก่อนเริ่มต้นสัปดาห์นี้มีดังต่อไปนี้
- ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาพุ่งสูงในหลายรัฐของสหรัฐ
ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาในรัฐต่าง ๆ โดยเฉพาะทางตอนใต้และตะวันตกของสหรัฐได้สร้างแรงกดดันให้แก่ตลาดสัปดาห์นี้ว่าอาจมีการระบาดเกิดขึ้นเป็นระลอกที่สอง
ประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กล่าวไว้เมื่อวันเสาร์ว่า เขาได้ร้องขอให้ทางการสหรัฐชะลอการตรวจหาผู้ติดเชื้อ ซึ่งเป็น "ดาบสองคม" ที่ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อสูงขึ้น
ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญทางสาธารณสุขชี้แจงว่า การขยายขอบเขตการตรวจหาผู้ติดเชื้อนั้นส่งผลเพียงแค่บางส่วน แต่ไม่ใช่สาเหตุทั้งหมดของการที่ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นแต่อย่างใด โดยอ้างอิงจากข้อมูลของรอยเตอร์สพบว่าปัจจุบันมีชาวอเมริกันที่เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาแล้วถึง 119,600 ราย
เมื่อวันศุกร์เฟดได้ออกมาเตือนว่า หากทางการสหรัฐไม่สามารถควบคุมโรคได้ก็อาจนำไปสู่การใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่ยาวนานกว่าเดิมและแนวโน้มทางเศรษฐกิจในแง่บวกที่เกิดขึ้นในขณะนี้ก็อาจเปลี่ยนทิศทางในเร็ววัน
- IMF ชี้ภาพรวมเศรษฐกิจโลกมีแววย่ำแย่กว่าเดิม
ในผลคาดการณ์ทางเศรษฐกิจครั้งใหม่ของ IMF ที่จะเผยแพร่ออกมาในวันพุธนี้ คาดว่า IMF จะเผยว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกในปี 2020 ย่ำแย่กว่าผลคาดการณ์ที่เคยออกมาเมื่อเดือนเมษายน
ช่วงเดือนเมษายนนั้น IMF ระบุว่าเศรษฐกิจโลกจะประสบกับวิกฤตการณ์ทางการเงินที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตการณ์ทางการเงินครั้งใหญ่ในยุค 1930 และได้คาดการณ์ไว้ว่าเศรษฐกิจโลกจะหดตัวลง 3% และขณะนี้ IMF ก็เตรียมเผยข้อมูลที่บ่งบอกว่าสถานการณ์อาจย่ำแย่ไปกว่านี้อีก
Gita Gopinath นักเศรษฐศาสตร์จาก IMF ได้โพสต์ไว้ในบล็อกว่า “ทั้งกลุ่มตลาดเกิดใหม่ชั้นนำและกลุ่มตลาดเกิดใหม่จะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2020 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สมัยวิกฤตการณ์ทางการเงินครั้งใหญ่ โดยผลคาดการณ์ภาพรวมทางเศรษฐกิจโลกประจำเดือนมิถุนายนน่าจะแสดงให้เห็นถึงการเติบโตในทิศทางลบที่ย่ำแย่กว่าที่เคยคาดไว้"
Gopinath ยังระบุอีกว่าภาวะวิกฤตขณะนี้เป็น "สถานการณ์ที่โลกไม่เคยพบเจอมาก่อน"
- ข้อมูลภาคอสังหาริมทรัพย์ ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
สัปดาห์นี้ปฏิทินเศรษฐกิจของสหรัฐค่อนข้างเบาบาง โดยจะมีการรายงาน ยอดขายบ้านมือหนึ่ง และ ยอดขายบ้านมือสอง ประจำเดือนพฤษภาคม รวมทั้ง ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน ซึ่งคาดว่าน่าจะพลิกฟื้นแต่ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับก่อนเกิดการระบาด
และตัวเลขที่น่าจับตาเป็นพิเศษคือ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐ ในวันพฤหัสบดีนี้
โดยวันพฤหัสบดีที่แล้วจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเริ่มชะลอตัวลงจากที่มีแนวโน้มลดลงมาเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวอย่างเชื่องช้าและยากลำบากจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่เกิดขึ้นเพราะโควิด-19
นอกจากนี้สหรัฐก็จะมีกำหนดการรายงานตัวเลข GDP ไตรมาสแรกเป็นครั้งที่สามในวันพฤหัสบดีด้วย
- ดัชนี PMI ฝั่งสหราชอาณาจักรและยูโรโซน
ทางด้านยูโรโซนก็จะมีการรายงาน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ในวันนี้ และในวันพรุ่งนี้ ดัชนี PMI ประจำเดือนมิถุนายน ก็จะเป็นที่น่าจับตาอย่างใกล้ชิดเช่นกัน ซึ่งดัชนี PMI ในเดือนพฤษภาคมแม้จะออกมาดีกว่าเดือนเมษายนแต่ทั้งภาคการผลิตและการบริการก็ยังคงอยู่ในภาวะหดตัวอย่างมาก
ส่วนสหราชอาณาจักรก็จะรายงานดัชนี PMI ในสัปดาห์นี้ และแม้ว่าทั้ง ดัชนีภาคการผลิต และ ดัชนีภาคการบริการ จะส่งสัญญาณพลิกฟื้น แต่ก็ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งเป็นระดับที่แบ่งแยกระหว่างการขยายตัวและการหดตัว
- FTSE Russell ทำการสับเปลี่ยนดัชนี
FTSE Russell ได้ทำการสับเปลี่ยนหุ้นในดัชนีช่วงครึ่งหลังของวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยการสับเปลี่ยนรายปีจะเกิดขึ้นทุกวันศุกร์ที่สี่ในเดือนมิถุนายนของทุกปีภายหลังจากตลาดปิดทำการ
โดยได้มีการเพิ่มและลบหุ้นออกจากบรรดาดัชนี Russell รวมทั้งดัชนีขนาดใหญ่ Russell 1000 และดัชนีขนาดย่อม Russell 2000 ซึ่งได้กระตุ้นให้ผู้จัดการกองทุนพากันปรับพอร์ทและน้ำหนักให้ตอบสนองกับการสับเปลี่ยนครั้งนี้
ทั้งนี้นักวิเคราะห์จาก Bank of America ได้คาดการณ์ไว้ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มครั้งใหญ่ในปีนี้ และคาดว่าตลาดจะโน้มเอียงไปสู่การลงทุนในบรรดาหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ซึ่งอาจประกอบไปด้วย Zoom Video Communications Inc (NASDAQ:ZM), Slack (NYSE:WORK) และ Crowdstrike (NASDAQ:CRWD) ที่มาแรงและราคาพุ่งเนื่องจากกระแสการทำงานจากทางไกลทั่วโลก
--เนื้อหาข่าวได้รับการสนับสนุนจากสำนักข่าวรอยเตอร์ส
กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้