มหกรรมลดราคา Black Friday เริ่มต้นขึ้นแล้ว ตอนนี้! ห้ามพลาดกับส่วนลดสูงสุดถึง 60% InvestingProรับส่วนลด

5 ปัจจัยสำคัญในการลงทุนฝั่งอเมริกา-ยุโรปสำหรับวันนี้ (11 มิ.ย.)

เผยแพร่ 11/06/2563 17:19
อัพเดท 11/06/2563 17:37
© Reuters.
US500
-
DJI
-
ADBE
-
AAPL
-
LCO
-
ESZ24
-
CL
-
1YMZ24
-
NQZ24
-
IXIC
-

โดย Peter Nurse 

Investing.com -- บทสรุป 5 ข้อเกี่ยวกับภาวะการลงทุนฝั่งสหรัฐ-ยุโรปในวันพฤหัสบดี 11 มิถุนายนมีดังต่อไปนี้

1. ภาพรวมของเฟดไม่สู้ดีนัก, ตลาดควรกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินฝืดหรือไม่

คณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ดังเดิมเมื่อวานนี้ระหว่าง 0-0.25% และยังคง ยึดมั่น ที่จะรักษานโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลายเช่นนี้ต่อไปอีกสักระยะ

"ทางคณะกรรมการคาดว่าจะรักษาอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับเป้าหมายนี้จนกว่าจะมั่นใจว่าเศรษฐกิจได้ผ่านพ้นช่วงเวลาในปัจจุบันไปได้ และกำลังมุ่งหน้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของตลาดแรงงานและเสถียรภาพของราคาผู้บริโภค"

โดยสมาชิกเฟด 2 ท่านจากทั้งหมด 17 ท่านเชื่อว่าควรปรับอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นก่อนสิ้นปี 2022

ทั้งนี้เฟดคาดว่า เศรษฐกิจ ในปี 2020 จะหดตัวลง 6.5% และอัตราการว่างงานในปีนี้จะเท่ากับ 9.3%

นักวิเคราะห์จาก Nordea ชี้ว่าในการแถลงข่าวของ ประธานเฟด นายเจอโรม เพาเวลล์ ได้ "กล่าวถึงแรงกดดันของอัตราเงินเฟ้อที่อ่อนแอ แต่เขาดูไม่กังวลเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวมากนัก" และ "ขณะที่พวกเรากลับเล็งเห็นความเสี่ยงเป็นอย่างยิ่งต่อภาวะเงินฝืดและได้พยายามส่งสัญญาณเตือนมาสักระยะหนึ่งแล้ว"

เมื่อวานนี้ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานได้ออกมาติดลบและลดลงมาสามเดือนติดต่อกันแล้ว ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์

ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐประจำเดือนพฤษภาคมมีกำหนดการรายงานในเวลา 8:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (12:30 GMT) ซึ่งเป็นดัชนีที่วัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าจากผู้ผลิตและจึงเป็นดัชนีหลักที่บ่งบอกถึงอัตราเงินเฟ้อในราคาผู้บริโภค

นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้ว่าดัชนี PPI ในเดือนพฤษภาคมจะสูงขึ้น 0.1% จากเดือนที่แล้วที่ลดลง 1.3%

2. ความหวาดหวั่นต่อการระบาดระลอกสองในสหรัฐ

เริ่มเกิดกระแสความหวาดหวั่นว่าการเร่งเปิดเศรษฐกิจในรัฐต่าง ๆ ของสหรัฐจะส่งผลให้เกิดการระบาดซ้ำเป็นระลอกที่สอง และน่าจะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจหนักกว่าเดิมจากที่ย่ำแย่อยู่แล้วเป็นทุนเดิม

ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ดร. ฮานส์ คลูจ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ขั้นสูงขององค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกมาเตือนว่าการระบาดยังไม่ยุติลง และเวลานี้เป็น "เวลาของการเตรียมตัว ไม่ใช่เวลาของการเฉลิมฉลอง"

เมื่อวานนี้สำนักข่าวบลูมเบิร์กได้รายงานยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่จากรัฐเท็กซัสจำนวน 2,504 ราย ซึ่งเป็นยอดรายวันที่สูงสุดนับตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการระบาด ส่วนฟลอริดาก็พบผู้ป่วยรายใหม่ถึง 8,553 ในสัปดาห์นี้และเป็นตัวเลขรายสัปดาห์ที่สูงที่สุด ขณะที่แคลิฟอร์เนียก็มียอดผู้ป่วยปัจจุบันที่กำลังรักษาตัวในโรงพยาบาลมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม

องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ได้เตือนเมื่อวานนี้ว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2020 จะหดตัวลง 7.6% หากมีการระบาดเกิดขึ้นซ้ำสอง แต่หากไม่มีการระบาดเกิดขึ้นซ้ำก็จะยังคงหดตัวลง 6%

3. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐรายสัปดาห์

ในวันนี้จะมีการรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ในเวลา 8:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (12:30 GMT) และคาดว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ประจำสัปดาห์จะเท่ากับ 1.55 ล้านราย ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ 1.87 ล้านราย

ส่วน อัตราการว่างงาน น่าจะยังคงสูงกว่า 13% เมื่ออ้างอิงจากรายงานล่าสุด ซึ่งถือเป็นระดับที่สูงสุดนับตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่วน จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง คาดว่าจะเกือบถึง 20 ล้านราย จากสัปดาห์ก่อน 21.5 ล้านราย

4. ตลาดหุ้นเตรียมเปิดตัวในแดนลบ, รอจับตากลุ่มหุ้นเทคโนโลยี

ตลาดหุ้นสหรัฐเตรียมปรับตัวลงฉับพลันหลังทัศนะของเฟดเป็นไปในแง่ลบ

เมื่อเวลา 6:30 น. (1030 GMT) สัญญาซื้อขายดัชนี Dow Jones 30 ล่วงหน้า ปรับตัวลง 496 จุดหรือ 1.8% สัญญาซื้อขายดัชนี S&P 500 ล่วงหน้า ขยับลง 1.5% และ สัญญาซื้อขายดัชนี Nasdaq 100 ล่วงหน้า ปรับตัวลง 1.1%

ดัชนีอุตสาหกรรม Dow Jones และดัชนี S&P 500 ทำผลงานได้ย่ำแย่เมื่อคืนนี้ แต่ดัชนี Nasdaq Composite ปิดเหนือระดับ 10,000 เป็นครั้งแรก

แรงหนุนสำคัญของกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีส่วนหนึ่งมาจาก Apple (NASDAQ:AAPL) ซึ่งได้กลายเป็นสัปดาห์แรกที่บริษัทมีมูลค่าตามราคาตลาดถึง 1.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ

หุ้นที่น่าสนใจในวันนี้ได้แก่หุ้นผู้ผลิตซอฟต์แวร์กราฟฟิก Adobe (NASDAQ:ADBE) ซึ่งจะรายงานผลประกอบการในวันนี้ และจะเผยมุมมองเกี่ยวกับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ต่อธุรกิจคลาวด์คอมพิวติ้งของบริษัทด้วย

5. ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐส่งสัญญาณอุปทานเกิน

ราคาน้ำมันยังปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องในวันนี้ หลังปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐที่สูงขึ้นได้สร้างความกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันเกินอีกครั้ง

สำนักงานสารสนเทศพลังงาน (EIA) ได้รายงาน ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ประจำสัปดาห์ที่แล้วสูงขึ้น 5.72 ล้านบาร์เรล ต่างจากที่ตลาดคาดไว้ว่าจะลดลงเล็กน้อย แต่ก็เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับ รายงาน ของสถาบันปิโตรเลียมแห่งอเมริกา (API)

การลดกำลังการผลิตน้ำมันทั่วโลกและการผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ล้วนมีส่วนหนุนราคาน้ำมันขึ้นหลังจากที่ทรุดตัวลงต่ำกว่าศูนย์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เมื่อเดือนเมษายน แต่สถานการณ์ก็ยังน่ากังวลเนื่องจากหากราคาน้ำมันสูงกว่า $30 บาร์เรลก็อาจทำให้ผู้ผลิตน้ำมันในสหรัฐเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอีกและจึงส่งผลให้อุปทานน้ำมันเกินในที่สุด

เมื่อเวลา 6:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบสหรัฐ ขยับลง 2.8% เท่ากับ $38.48 ต่อบาร์เรล สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ ติดลบ 2.7% เท่ากับ $40.62 ต่อบาร์เรล

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย