โดย Geoffrey Smith
Investing.com -- ห้าประเด็นที่คุณควรทราบเกี่ยวกับตลาดการเงินในวันพุธที่ 11 มีนาคมมีดังต่อไปนี้
1. จำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ แตะ 1,000 ราย, คาดว่าการคลังสหรัฐฯ จะยืดเส้นตายการยื่นภาษี
อ้างอิงจากข้อมูลที่มหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์รวบรวมมาพบว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่ได้รับการยืนยันในสหรัฐฯ ล่าสุดสูงขึ้นเกิน 1,000 ราย มีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อทั้งหมด 28 รายและมีผู้ที่หายจากการติดเชื้ออย่างสมบูรณ์ 8 ราย ทว่าศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ กลับยังไม่ได้ออกมาเผยแพร่ตัวเลขอย่างเป็นทางการในขณะนี้
นอกจากนี้สำนักข่าว Wall Street Journal รายงานว่า กระทรวงการคลังสหรัฐฯ กำลังวางแผนที่จะยืดเส้นตายการยื่นภาษีประจำปี 2019 ในวันที่ 15 เมษายนออกไป แต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดอย่างเป็นทางการในขณะนี้
ทางด้านจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในอิตาลีได้พุ่งขึ้นสูงกว่า 10,000 รายแล้วและจำนวนผู้ติดเชื้อในเยอรมนี สเปน และฝรั่งเศสต่างก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน แต่ในทางตรงกันข้าม ทางเกาหลีใต้กลับมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ลดลงอย่างฉับพลันเพียง 242 ราย ลดลงจากวันละมากกว่า 800 รายเหลือเพียงต่ำกว่า 200 รายภายในสัปดาห์เดียว
2. ธนาคารกลางอังกฤษประกาศใช้นโยบายฉุกเฉิน
ธนาคารกลางอังกฤษได้ลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50 จุดเหลือ 0.25% เพื่อหนุนสภาพทางเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา
ความคืบหน้าครั้งนี้เกิดขึ้นภายในวันเดียวกับที่รัฐบาลอังกฤษมีแผนการที่จะประกาศเพิ่มปริมาณการกู้ยืมสาธารณะในงบประมาณรายปี ซึ่งดูเหมือนว่าจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการระบาดของ Covid-19 มากเท่าไรนัก
เงินปอนด์ ปรับตัวขึ้นเป็น $1.2946 จาก $1.2937 ภายหลังจากการแถลงการณ์ทันที โดยผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหราชอาณาจักรแบบ อายุสิบปี ก็สูงขึ้นเป็น 0.28% จาก 0.24% ส่วนดัชนี FTSE 100 ของสหราชอาณาจักรปรับขึ้น 0.4% เท่ากับ 5982 จุด
3. ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงหลังจากปธน.ทรัมป์ไม่มาปรากฎตัว
ตาลดหุ้นสหรัฐฯ เตรียมเปิดตัวในแดนลบหลังจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่มาปรากฎตัวเพื่อเสนอมาตรการทางเศรษฐกิจตามที่ได้เปรยไว้เมื่อวันจันทร์ โดยก่อนหน้านี้ปธน.ทรัมป์เคยให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่าความแข็งแกร่งของพฤติกรรมของผู้บริโภคภายในประเทศน่าจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่ได้รับผลกระทบจากการระบาดมากนัก
เมื่อเวลา 6:20 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (1020 GMT) สัญญาซื้อขายดัชนี Dow 30 ล่วงหน้า ปรับตัวลง 440 จุดหรือราว 1.8% ส่วนสัญญาซื้อขายดัชนี S&P 500 ล่วงหน้าปรับตัวลง 2.0% และ สัญญาซื้อขายดัชนี Nasdaq 100 ล่วงหน้า ขยับลง 1.9% แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงสูงกว่าระดับต่ำสุดเมื่อคืนนี้
เมื่อคืนนี้ดัชนี CSI 300 ของจีนปิดลบ 1.8% และดัชนี Nikkei ของญี่ปุ่นปรับตัวลง 2.3% ทว่าตลาดยุโรปกลับปรับขึ้นหลังจากการแถลงการณ์ของธนาคารกลางอังกฤษ และยิ่งสร้างความคาดหวังว่าธนาคารกลางยุโรปจะต้องออกมาเคลื่อนไหวในวันพรุ่งนี้อย่างแน่นอน
4. นายไบเดนนำโด่งในการหยั่งเสียงไพรมารี
อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโจ ไบเดน ชนะการหยั่งเสียงไพรมารีในรัฐมิชิแกน ไอดาโฮ มิสซูรี และมิสซิสซิปปี ซึ่งทำให้เขาทิ้งห่างและกลับมามีคะแนนนำในการเสนอชื่อตัวแทนพรรคเพื่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ทางด้านนายเบอร์นี แซนเดอร์ส ก็ชนะการหยั่งเสียงในรัฐนอร์ธดาโคตาและมีคะแนนนำในรัฐวอชิงตันขณะที่ได้มีการนับคะแนนเสียงไปแล้ว 70% แต่ถึงกระนั้นเมื่อรวมคะแนนทั้งหมดแล้วนายแซนเดอร์สกลับมีคะแนนเสียงรองจากนายไบเดนอยู่ 160 เสียง
ผลลัพธ์ที่ออกมาสร้างแรงกดดันให้นายแซนเดอร์สยอมรับความพ่ายแพ้และล้มเลิกแคมเปญการหาเสียงก่อนกำหนด ทั้งนี้นายแซนเดอร์สยังไม่ได้ออกมาแถลงการณ์ต่อสาธารณะหลังจากการประกาศผลลัพธ์แต่อย่างใด
5. ซาอุดีอาระเบียเตรียมเร่งกำลังการผลิตน้ำมันขึ้นอีก
บริษัทรัฐวิสาหกิจของซาอุดีอาระเบีย Aramco (SE:2222) เผยว่าทางบริษัทได้รับคำสั่งให้เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในอัตรา 13 ล้านบาร์เรลต่อวัน สูงขึ้นจากเดิม 12 ล้านบาร์เรลต่อวัน แม้ที่ผ่านมายังไม่เคยมีการทดสอบเพดานกำลังการผลิตระดับใหม่นี้เลย
ความคืบหน้าครั้งนี้ตามมาเพียงหนึ่งวันให้หลังจากที่ Aramco ประกาศว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในอัตรามากกว่า 12.3 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนเมษายน สูงขึ้นราว 2.5 ล้านบาร์เรลจากข้อตกลงการลดกำลังการผลิตน้ำมันเดิมที่เคยตกลงกันไว้ระหว่างกลุ่ม OPEC และรัสเซีย
ทั้งนี้ทางบริษัทกลับไม่ได้เผยว่าจะต้องใช้เวลานานเพียงใดจึงจะสามารถเร่งกำลังการผลิตให้ถึงระดับดังกล่าวได้
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบสหรัฐ ปรับตัวลงหลังจากรายงานข่าวข้างต้น เมื่อเวลา 6:25 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก ราคาสัญญาอยู่ที่ $33.27 ต่อบาร์เรล ติดลบ 3.2% ส่วน สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ อยู่ที่ $36.05 ต่อบาร์เรล ปรับตัวลง 3.1%