Investing.com - ห้าเรื่องที่คุณควรทราบเกี่ยวกับตลาดการเงินในวันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคมมีดังต่อไปนี้
1. ความสัมพันธ์ทางการทูตของทรัมป์ช่วยหนุนตลาดหุ้น
การตัดสินใจของปธน.ทรัมป์ในการบังคับใช้มาตรการแซงก์ชันอิหร่านครั้งใหม่แทนการโจมตีทางทหารได้ส่งผลให้ตลาดมีความต้องการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
เมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นเอเชียมีความเคลื่อนไหวที่แข็งแกร่ง รวมทั้งตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐฯ ก็ปรับตัวขึ้นเช่นกัน สัญญาซื้อขายล่วงหน้าดัชนี S&P 500 ปรับขึ้น 11 จุดหรือคิดเป็น 0.34% เมื่อเวลา 5:20 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (10:20 GMT) ส่วน สัญญาซื้อขายล่วงหน้าดัชนี Nasdaq 100 บวกขึ้น 44 จุด คิดเป็น 0.47%
ล่าสุดปธน. ทรัมป์กล่าวว่า "ดูเหมือนว่าอิหร่านจะเริ่มล่าถอย ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีสำหรับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง"
2. สินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูงพากันย่อตัวลง
ผู้ลงทุนเริ่มหันหนีจากการลงทุนในคู่ USD/JPY ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูงที่ผู้ลงทุนมักเลือก ทำให้ราคาย่อตัวจากระดับสูงสุดในรอบสามเดือนลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบสองสัปดาห์ที่ 109.33 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เช่นเดียวกันกับ USD/CHF ที่ขยับลงมาสู่ระดับสองสัปดาห์ที่ 0.974 ฟรังก์ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วน ทองคำ ก็ย่อตัวลงจากขาขึ้นของเมื่อวานนี้ และมีราคาซื้อขายต่ำลง 0.9% ที่ $1,545.95 ต่อออนซ์
ทางด้านผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล แบบอายุสิบปี ก็นิ่งอยู่ที่ระดับ 1.874% คงตัวจากเวลาตลาดปิดของเมื่อวานนี้ แต่ยังสูงกว่าระดับต่ำสุดระหว่างวันที่ 1.705%
3. ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ
ไม่กี่วันที่ผ่านมาราคาน้ำมันมีความผันผวนอย่างมาก โดยราคาได้พุ่งสูงขึ้นอย่างฉับพลันเมื่อวานนี้ท่ามกลางความหวาดหวั่นว่าการยิงจรวดมิสไซล์ของอิหร่านไปยังฐานทัพสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตะวันออกกลาง ก่อนที่จะย่อตัวลงมาภายหลังจากที่สถานการณ์ดูเหมือนว่าจะเริ่มคลี่คลายลง
ทว่าสำนักงานสารสนเทศพลังงานสหรัฐฯ (EIA) ได้รายงาน ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 3 มกราคมที่สูงขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล ซึ่งส่งผลกระทบอย่างหนักต่อราคาน้ำมันหลังจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ได้ลดลงมาอย่างต่อเนื่องมาตลอดสามสัปดาห์ก่อนหน้านี้ และต่างจากที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะลดลงไป 3.6 ล้านบาร์เรล
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ ขยับขึ้น 48 เซนต์เท่ากับ $65.75 ต่อบาร์เรล เมื่อเวลา 7:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (11:30 GMT) ต่ำกว่าเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่แตะระดับ $70 ต่อบาร์เรล
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันสหรัฐฯ มีราคาซื้อขายล่าสุดอยู่ที่ $59.84 ต่อบาร์เรล จากก่อนหน้านี้ที่ขึ้นไปแตะ $65.85 ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนของปีที่แล้ว
4. สมาชิกเฟดให้คำกล่าว
สมาชิกคณะกรรมการกำหนดนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) หลายท่านมีกำหนดการให้คำกล่าวในช่วงครึ่งหลังของวันนี้ ได้แก่ นายริชาร์ด คลาริดา, นายนีล คัชคารี และนายจอห์น วิลเลียมส์
ปกติแล้ว FOMC จะจัดการประชุมเป็นประจำปีละแปดครั้ง โดยจะเป็นการประชุมเพื่อพิจารณาสภาพทางเศรษฐกิจและร่วมหาจุดยืนที่เหมาะสมของนโยบายทางการเงิน การประชุมครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นในช่วงสิ้นเดือนนี้และผู้ลงทุนจะจับตาการให้คำกล่าวของคณะสมาชิกเพื่อสังเกตแนวโน้มความเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของเฟด
ในการประชุมเมื่อเดือนธันวาคม ทางคณะกรรมการฯ ได้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ดังเดิมที่ระหว่าง 1.50% ถึง 1.75% หลังจากได้ทำการลดอัตราดอกเบี้ยมาแล้วถึงสามครั้งในปี 2019
5. กิจการค้าปลีกของอังกฤษประสบปัญหา
กิจการค้าปลีกของอังกฤษค่อนข้างชะลอตัวท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปต่อบริษัทผู้ส่งออก โดยสมาคมผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกแห่งสหราชอาณาจักรได้เผยว่ายอดค้าปลีกสุทธิรายปีของอังกฤษหดตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1995 เนื่องมาจากยอดขายที่อ่อนแอลงในช่วงเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม
และอีกปัจจัยหนึ่งที่ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นคือคำกล่าวของผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ นายมาร์ค คาร์นีย์ ที่ออกมาเตือนว่าธนาคารกลางเริ่มประสบปัญหาในการเฟ้นหามาตรการเพื่อต่อกรกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่อาจเกิดขึ้น
หุ้นของบริษัท Marks and Spencer Group PLC (LON:MKS) ทรุดตัวลงเกือบ 9% หลังจากบริษัทเผยยอดขายที่ย่ำแย่ลง และคู่ GBP/USD ก็หดตัวลง 0.5% อยู่ที่ระดับ $1.3031