1. ทรัมป์ลงนามอนุมัติข้อกฎหมายหนุนฮ่องกง
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามอนุมัติกฎหมายว่าด้วยสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยฮ่องกง ซึ่งประกอบไปด้วยกฎหมายที่ใช้นโยบายทางการค้าเพื่อกำกับการปฏิบัติของจีนต่อฮ่องกง รวมทั้งกฎหมายที่สั่งห้ามการส่งออกอาวุธเพื่อควบคุมฝูงชนอย่างแก๊สน้ำตาไปยังประเทศจีนด้วย
แม้ว่าจีนจะเน้นย้ำความไม่พอใจต่อกฎหมายเหล่านั้นและข่มขู่ว่าจะตอบโต้เอาคืน แต่จนถึงบัดนี้จีนก็ยังไม่ได้กระทำการใด ๆ
2. ตลาดโลกชะลอตัวลง ท่ามกลางความหวาดกลัวต่อความยืดเยื้อของข้อตกลงทางการค้า
ตลาดโลกชะลอตัวลงหลังจากข้อตกลงทางการค้า 'ขั้นแรก' ระหว่างสหรัฐฯ-จีนยังคงเป็นเพียงกระแสลอย ๆ ที่ไม่เกิดขึ้นจริง
ดัชนี Stoxx 600 ปิดวันพุธด้วยการเคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 1% จากระดับราคาสูงสุดในรอบสี่ปีครึ่ง แต่ต่อมากลับปรับลง 0.2% เมื่อตลาดเปิดและเคลื่อนไหวอยู่ภายในกรอบราคาหลังจากนั้น ส่วนดัชนี Shanghai Composite ขยับลง 0.5%
เมื่อเวลา 6.00 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (1100 GMT) สัญญาซื้อขายดัชนี Dow ล่วงหน้า ติดลบ 83 จุดหรือราว 0.3% ขณะที่สัญญาซื้อขายดัชนี S&P 500 ล่วงหน้าปรับลง 0.2% และ สัญญาซื้อขายดัชนี Nasdaq 100 ล่วงหน้า ขยับลง 0.3% ส่วนตลาดการเงินและตราสารหนี้ของสหรัฐฯ ปิดทำการในวันนี้เนื่องในเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า
3. ปอนด์แข็งค่าขึ้น พรรคอนุรักษนิยมมีแววชนะเลือกตั้งสหราชอาณาจักร
บรรดาสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับสหราชอาณาจักรพากันปรับขึ้นหลังจากผลสำรวจของ YouGov ชี้ว่าพรรคอนุรักษนิยมกำลังมุ่งหน้าสู่ชัยชนะการเลือกตั้งครั้งใหญ่ที่สุดในรอบสามสิบปี
ร่ายงานดังกล่าวได้หนุนให้ค่าเงินปอนด์แตะระดับสูงสุดในรอบหกเดือนเมื่อเทียบกับ เงินยูโร แต่เมื่อเทียบกับ ดอลลาร์สหรัฐฯ แล้วยังไม่สามารถแตะระดับสูงสุดได้และยังคงอยู่ภายใต้ระดับ $1.3000 ดัชนี FTSE 100 ย่อตัวลง 0.4% แต่ดัชนี FTSE 250 กลับปรับขึ้น 0.2% ขณะที่ ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล Gilt แบบสิบปี ปรับลงมาอยู่ที่ 0.63% ก่อนที่จะเด้งกลับขึ้นมาเล็กน้อย
4. ศาลสูงสุดอินเดียพุ่งเป้าไปยังกิจการโทรคมนาคม
หนึ่งในตลาดโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างอินเดียประสบกับอุปสรรค หลังจากศาลสูงสุดอินเดียได้ตัดสินให้กิจการโทรคมนาคมรายใหญ่ของประเทศต้องจ่ายค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายเพิ่มอีกเป็นจำนวนเงิน 1.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
ผลการตัดสินดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อกิจการโทรคมนาคมรายใหญ่ทั้งสามในประเทศ ได้แก่ Bhati, Airtel และ Vodafone Idea โดยหุ้น Vodafone (LON:VOD) ของสหราชอาณาจักรติดลบ 3% หลังจากรายงานข่าวดังกล่าว
5. เศรษฐกิจยูโรโซนมีแววเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น
มีสัญญาณบวกครั้งใหม่ที่ชี้ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนอาจเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจาก ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ของคณะกรรมาธิการยุโรปซึ่งประกอบไปด้วยความเชื่อมั่นทางธุรกิจและผู้บริโภคประจำเดือนพฤศจิกายนออกมาสูงขึ้นเกินคาดที่ 101.3
นอกจากนี้ธนาคารกลางยุโรปยังเผยอีกว่า ตัวเลขการเติบโตทางการเงิน M1 ซึ่งเป็นตัวเลขสำคัญที่สามารถบ่งชี้สภาพทางเศรษฐกิจได้อย่างแม่นยำ ล่าสุดในเดือนตุลาคมออกมาสูงขึ้น 8.4% จากเมื่อเดือนกันยายนที่ 7.9%
ทางด้านตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเบื้องต้นของเยอรมนีประจำเดือนพฤศจิกายนก็ออกมาเป็นที่น่าพอใจ แต่ ดัชนีราคาผู้ผลิตอิตาลี ประจำเดือนตุลาคมกลับไม่เป็นเช่นนั้นและดิ่งลงด้วยอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบสามปี