Investing.com - รายงานทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ยังคงเป็นที่น่าจับตามองในสัปดาห์นี้ หลังจากข้อมูลที่เผยเมื่อวันศุกร์แสดงให้เห็นว่าอัตราการเติบโตของตลาดแรงงานสหรัฐฯ ในเดือนกุมภาพันธ์เกิดหยุดชะงัก สร้างความกังวลต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจมากขึ้น
Investing.com ได้รวบรวม 5 เหตุการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจที่น่าจะส่งผลต่อตลาดในสัปดาห์นี้ ดังต่อไปนี้
1. ยอดขายปลีกสหรัฐฯ
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ จะเผยข้อมูลยอดขายปลีกประจำเดือนมกราคม ในวันจันทร์เวลา 8:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (12:30 GMT)
คาดการณ์ไว้ว่ารายงานดังกล่าวจะแสดงยอดขายปลีกที่ ซบเซา หลังจากที่ยอดขายดิ่งลงถึง 1.2% เมื่อเดือนธันวาคม ถือว่าเป็นขาลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2009
ยอดขายโดยไม่รวมกิจการยานยนต์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นราว 0.4% พลิกฟื้นขึ้นหลังจากเดือนก่อนหน้าที่ดิ่งลงถึง 1.8%
ที่ผ่านมา ยอดขายปลีกที่เพิ่มขึ้นมักสัมพันธ์กับการเจริญเติบโตขึ้นของเศรษฐกิจ ในขณะเดียวกันหากยอดขายออกมาต่ำก็เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเศรษฐกิจกำลังทรุดตัวลงเช่นกัน
รายจ่ายจากผู้บริโภคมีอิทธิพลต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ถึง 70%
2. อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ จะเผยแพร่ตัวเลข CPI ประจำเดือนกุมภาพันธ์ ในวันอังคารเวลา 8:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (12:30 GMT)
คาดว่าราคาผู้บริโภคในเดือนที่แล้วจะปรับขึ้น 0.2% เมื่อเทียบกับตัวเลขที่อ่อนแอเมื่อเดือนมกราคม หากพิจารณาเป็นรายปี CPI มีแนวโน้มที่จะไต่ขึ้น 1.6% ซึ่งเป็นตัวเลขเดียวกันกับเมื่อเดือนที่แล้ว
อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานโดยไม่รวมต้นทุนอาหารและเชื้อเพลิง คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนที่แล้วและเพิ่มขึ้น 2.2% จากปีที่แล้ว
3. ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐฯ
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ จะเผยยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐฯ ประจำเดือนมกราคม ในวันพุธเวลา 8:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (12:30 GMT)
คาดการณ์ไว้ว่ายอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนในเดือนที่แล้วจะลดลง 0.7% และคาดว่ายอดคำสั่งซื้อที่ไม่รวมรายการสิ่งของเพื่อการขนส่งสารระเหยจะเพิ่มขึ้น 0.2%
และในปฏิทินเศรษฐกิจสัปดาห์นี้ยังมีการเผยตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของราคาผู้ผลิต ตัวเลขเบื้องต้นของรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคมิชิแกน อีกทั้งรายงาน JOLTS ล่าสุดอีกด้วย
4. การลงคะแนนเสียง Brexit
เหลือเวลาอีกเพียงไม่ถึงสามสัปดาห์ ก่อนถึงกำหนดการที่สหราชอาณาจักรจะถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป ผู้ลงทุนต่างก็เฝ้าสังเกตการณ์ การลงคะแนนเสียงของรัฐสภาอังกฤษ ว่าจะอนุมัติข้อตกลงการถอนตัวที่เสนอโดยนายกรัฐมนตรี เธเรซา เมย์ หรือไม่
รัฐบาลของนายกเมย์ได้พยายามเร่งรัดในการดำเนินการแก้ไขข้อตกลงการถอนตัว ที่ได้เจรจาไว้กับสหภาพยุโรปเป็นครั้งสุดท้ายก่อนการลงคะแนนเสียงในวันอังคาร แม้ว่าการแก้ไขจะไม่เป็นผลเท่าไรนัก
หากการลงคะแนนเสียงล้มเหลว คาดว่าสมาชิกสภานิติบัญญัติจะต้องบีบบังคับให้นายกเมย์เลื่อนเส้นตาย Brexit ให้ได้ สร้างความกังวลว่าครั้งนี้อาจซ้ำรอยเหตุการณ์การตัดสินใจไม่ถอนตัวเมื่อปี 2016 ก็เป็นได้ บ้างก็เชื่อว่าหากสหราชอาณาจักรไม่เลื่อนเส้นตายและถอนตัวโดยไม่มีข้อตกลงใด ๆ ในวันที่ 29 มีนาคม อาจทำให้สหราชอาณาจักรเกิดความวุ่นวายอย่างใหญ่หลวงเป็นแน่
นอกจากประเด็น Brexit แล้ว ผู้ลงทุนต่างก็รอดูการประกาศตัวเลข GDP รายเดือน ซึ่งจะช่วยเผยให้เห็นสถานะทางเศรษฐกิจโดยรวมได้
5. ข้อมูลผลผลิตภาคอุตสาหกรรมประเทศจีน
จีนจะเผยตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมประจำเดือนมกราคมในเช้าวันพฤหัสบดีนี้
บรรดานักวิเคราะห์ได้คาดไว้ว่าผลผลิตจากโรงงานจีนจะเพิ่มขึ้น 5.5% ลดลงจากเมื่อเดือนธันวาคมที่เพิ่มขึ้น 5.7%
และจีนจะประกาศข้อมูลการลงทุนด้วยสินทรัพย์ถาวร และยอดขายปลีกอีกด้วย
ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจจีนยังคงบอบช้ำ ทรุดตัวลงเกือบถึงระดับต่ำสุดในรอบ 30 ปีหลังจากมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการตอกย้ำผลกระทบที่เกิดจากสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่ยังคงไม่มีการยุติ
-- เนื้อหาข่าวได้รับการสนับสนุนจากสำนักข่าวรอยเตอร์