Investing.com - รอยเตอร์สเผยว่าราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นหลังจากกลุ่ม OPEC+ แสดงความยึดมั่นในแนวทางด้านอุปทาน โดยจะผลิตน้ำมันกลับเข้าสู่ตลาดอย่างค่อยเป็นค่อยไปในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม บวกกับอุปสงค์ที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในสหรัฐอเมริกาและจีน ซึ่งเป็นสองผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 18 เซนต์หรืออีก 0.27% สู่ระดับ 67.90 ดอลลาร์ เมื่อเวลา 06:42 GMT จาก 2.1% ในวันจันทร์ โดยเป็นราคาที่เพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2018
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์บวกขึ้น 22 เซนต์หรือ 0.31% ปิดที่ 70.47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากที่เพิ่มขึ้น 1.3% ในชั่วข้ามคืน โดยเป็นราคาที่เพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม
กลุ่ม OPEC+ ได้ตกลงกันว่า จะรักษาแผนการที่จะค่อย ๆ ผ่อนปรนการควบคุมอุปทาน ไปจนถึงเดือนกรกฎาคม
ความเห็นของเจ้าชายอับดุลอาซิซ บิน ซัลมาน รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานซาอุดิอาระเบียหลังการประชุม ทำให้ตลาดฟื้นตัว โดยเขากล่าวว่า เขาเห็นการฟื้นตัวของอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในสหรัฐอเมริกาและจีน และเสริมว่า ความรวดเร็วของโครงการฉีดวัคซีน "สามารถนำไปสู่การปรับสมดุลของตลาดน้ำมันทั่วโลก"
นักวิเคราะห์จาก ING Economics ระบุว่า "ดูเหมือนว่าตลาดจะมีแนวโน้มเชิงสร้างสรรค์มากขึ้นในปลายปีนี้ โดยกลุ่ม OPEC+ มองว่าตลาดจะได้เห็นการลดลงของน้ำมันคงคลัง ในช่วงระหว่างเดือนกันยายนถึงสิ้นปี"
ING ระบุว่า เมื่อรวมกับการลดการผลิตของซาอุดิอาระเบียจนถึงเดือนกรกฎาคม กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันจะผลิตประมาณ 700,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนมิถุนายน และ 840,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนกรกฎาคม
นักวิเคราะห์ยังกล่าวอีกว่า ความคืบหน้าอย่างเชื่องช้าของการเจรจาด้านนิวเคลียร์ของอิหร่าน ทำให้มีโอกาสที่อุปสงค์รองรับจะมีเพียงพอ ก่อนที่อิหร่านจะกลับมาเพิ่มอุปทาน
นักการทูตตะวันตก 2 คนและเจ้าหน้าที่ชาวอิหร่านรายหนึ่งกล่าวว่า การเจรจาน่าจะหยุดพักในวันพฤหัสบดีนี้ แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่า การเจรจาจะดำเนินต่อไปก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีอิหร่านในวันที่ 18 มิถุนายนนี้หรือไม่
นักวิเคราะห์จาก RBC Capital Markets กล่าวว่า "การกลับมาของถังอิหร่านดูเหมือนจะไม่ใช่ปัญหาใกล้ตัวสำหรับตลาดน้ำมัน เพราะการเจรจานิวเคลียร์รอบที่ห้าในกรุงเวียนนาล้มเหลวในการสร้างความก้าวหน้าทางการทูตครั้งสำคัญ" นักวิเคราะห์จาก RBC Capital Markets กล่าวในรายงาน
นักวิเคราะห์จาก ANZ Research ระบุว่า ความล่าช้ากำลังส่งผลกระทบต่อน้ำมันจำนวน 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ที่จะกลับเข้าสู่ตลาดในช่วงปลายปี แต่การเติบโตทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นอาจรองรับผลกระทบดังกล่าวได้
โมฮัมหมัด บาร์คินโด เลขาธิการโอเปกยังกล่าวถึงภาวะชะงักงันที่อาจเกิดขึ้นกับตลาด โดยกล่าวว่า กลุ่มโอเปกคาดว่าการส่งออกน้ำมันของอิหร่านจะกลับคืนมา “อย่างมีระเบียบและโปร่งใส” หากบรรลุข้อตกลงด้านนิวเคลียร์
นอกจากนี้ นักลงทุนจะคอยจับตาดูข้อมูลน้ำมันคงคลังประจำสัปดาห์ จากสถาบัน American Petroleum Institute ซึ่งจะประกาศในช่วงสิ้นวันนี้ และข้อมูลจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ ซึ่งจะประกาศในวันพฤหัสบดีนี้