Investing.com - รวบรวม 5 เหตุการณ์สำคัญประจำสัปดาห์นี้ ที่น่าจะส่งผลต่อหุ้นและตลาดการเงินทั่วโลก
1. ตัวเลข GDP ของสหรัฐฯ
วันศุกร์นี้มีกำหนดการประกาศตัวเลขเบื้องต้นที่เผยให้เห็น การเติบโตทางเศรษฐกิจ ในสามเดือนแรกของปี 2019 โดยในไตรมาสที่แล้วเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการเติบโตขึ้น 2.2%
เหล่านักเศรษฐศาสตร์ต่างก็เริ่มมีความหวังกับภาพรวมการเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาสแรก หลังข้อมูลจากสัปดาห์ที่แล้วเผยว่าการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ในเดือนกุมภาพันธ์ลดลงอย่างเกินความคาดหมาย ขณะที่การส่งออกจากจีนกลับลดลงในระหว่างการเรียกเก็บภาษีศุลกากรโดยประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์
และยังมีอีกรายงานหนึ่งที่เผยว่ายอดค้าปลีกสหรัฐฯ ประจำเดือนมีนาคมมีการเติบโตที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบหนึ่งปีครึ่งเลยทีเดียว
2. รายงานทางเศรษฐกิจ
ก่อนที่จะมีการประกาศ GDP จะมีการเผยข้อมูลยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนประจำเดือนมีนาคมในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าจะเด้งกลับขึ้นมา 0.7% หลังจากลดลงไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 1.6% และยังมีกำหนดการรายงานข้อมูลทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ได้แก่ การเผยยอดขายบ้านมือหนึ่งและมือสองในวันจันทร์และอังคาร และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในวันศุกร์อีกด้วย
ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ของเยอรมนีซึ่งมีกำหนดประกาศในวันพุธ กำลังเป็นที่น่าจับตาอย่างมากในขนาดนี้เนื่องจากหลายฝ่ายยังมีความกังวลเกี่ยวกับภาพรวมของเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคยุโรป ขณะที่คณะผู้ร่างนโยบายจากธนาคารกลางยุโรปยังคงอยู่ในระหว่างการตัดสินใจว่าการใช้แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นมากเพียงพอที่จะเร่งให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นหรอไม่
3. การประกาศผลประกอบการเริ่มเข้มข้นขึ้น
ฤดูกาลประกาศผลประกอบการประจำไตรมาสแรกเริ่มทวีความร้อนแรง หลังจากการประเดิมด้วยผลประกอบการจาก Amazon.com Inc (NASDAQ:AMZN), Facebook Inc (NASDAQ:FB), Twitter Inc (NYSE:TWTR) และ Tesla Inc (NASDAQ:TSLA) ที่ต่างก็มีรายงานออกมาหลายทิศทาง
บริษัทอื่น ๆ ที่มีกำหนดการประกาศในเร็ว ๆ นี้ได้แก่ Coca-Cola (NYSE:KO), eBay Inc (NASDAQ:EBAY), Boeing (NYSE:BA), Microsoft (NASDAQ:MSFT), Visa (NYSE:V), Intel (NASDAQ:INTC) และ Starbucks (NASDAQ:SBUX) เป็นต้น
4. ธนาคารกลาง
ทั้งธนาคารกลางญี่ปุ่น แคนาดา และตุรกีต่างก็เตรียมตัวเพื่อจัดการประชุมในสัปดาห์นี้
หลายฝ่ายเชื่อว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น จะยังไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเงิน และคาดว่าจะตั้งเป้าให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ต่ำกว่า 2%
ธนาคารกลางญี่ปุ่นกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายครั้งใหญ่ ที่จะต้องใช้เวลาอีกหลายปีในการผลักดันอัตราเงินเฟ้อให้ไปถึงเป้าหมายที่ 2% ให้ได้ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและการค้าก็ยิ่งเพิ่มความยากลำบากให้แก่ธนาคารฯ อีกด้วย
ส่วน ธนาคารกลางแคนาดา มีกำหนดการประชุมในวันพุธนี้ และคาดว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยแต่อย่างใด
5. การเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ – ญี่ปุ่น
นายโดนัลด์ ทรัมป์ และนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น นายชินโสะ อาเบะ มีกำหนดการประชุมที่ทำเนียบขาวในวันศุกร์นี้ เพื่อเจรจาด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ - ญี่ปุ่น อีกทั้งหารือเพื่อร่วมมือกันยับยั้งโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนืออีกด้วย
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทางการญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ก็ได้เริ่มดำเนินการเจรจาในเบื้องต้นไปแล้วเกี่ยวกับข้อตกลงทางการค้าฉบับใหม่ที่ทรัมป์เป็นผู้เสนอ และฝั่งสหรัฐฯ ยังได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการขาดดุลการค้าอัน "มหาศาล" ของญี่ปุ่นอีกด้วย
คาดว่าจะมีการกล่าวถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเกาหลีเหนือในขั้นต่อไป จากเมื่อกุมภาพันธ์ที่ทรัมป์ประสบกับความล้มเหลวในประชุมกับผู้นำเกาหลีเหนือ นายคิม จอง อึน
-- เนื้อหาข่าวได้รับการสนับสนุนจากสำนักข่าวรอยเตอร์