สหภาพยุโรปหรือ EU ได้มีการเดินหน้าขยายขอบเขตการคว่ำบาตรรัสเซีย คราวนี้เป็นการขยายขอบเขตการเข้าถึงสินทรัพย์ประเภทคริปโตเคอร์เรนซี่ รวมไปถึงมหาเศรษฐีรัสเซีย, วุฒิสภาและธนาคารต่าง ๆ ของประเทศเบลารุส เพื่อเป็นการตอบโต้จากการที่รัสเซียได้ใช้กองกำลังบุกประเทศยูเครน
รัสเซียกับเบราลุสตกเป็นเป้าไม่ให้เข้าถึงคริปโต
คณะกรรมการของยุโรปได้เห็นชอบที่จะดำเนินมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียกับเบลารุสมากขึ้น โดยการลงโทษคราวนี้เป็นการลงโทษผู้มีส่วนได้เสียจากกรณีที่รัสเซียได้ใช้กองทัพบุกประเทศยูเครน ประกอบไปด้วยมหาเศรษฐีและนักธุรกิจชาวรัสเซีย 14 คน เช่นเดียวกับสมาชิกรัฐสภา 146 คน ที่ได้มีการลงมติให้รัสเซียได้มีการประกาศแยกเมือง Donetsk กับ Lugansk เป็นรัฐเอกราช
มาตรการตรงนี้ทางสหภาพยุโรปได้มีการดำเนินมาตรการคว่ำบาตรชาวรัสเซียทั้งหมด 862 คน และบริษัทนิติบุคคลอีก 53 แห่ง และเวลานี้สถานการณ์ดูเหมือนจะมีความตึงเครียดมากขึ้น จากการที่รัฐบาลรัสเซียกับมหาเศรษฐกิจเริ่มอาจมองเห็นช่องโหว่การใช้เหรียญคริปโตเคอร์เรนซี่หลีกเลี่ยงการคว่ำบาตร ทำให้สหภาพยุโรปเล็งเห็นศักยภาพของเหรียญคริปโตตรงส่วนนี้ ต่อมาทางสหภาพยุโรปได้มีการดำเนินมาตรการวางข้อบังคับเกี่ยวกับหลักทรัพย์ที่สามารถเปลี่ยนมือได้
ไม่ให้ใช้เป็นเครื่องมือหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตร
สหภาพยุโรปได้ยืนยันว่า สินเชื่อหรือเครดิตต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี่หรืออื่น ๆ นั้น จะถูกจัดเป็นหลักทรัพย์ที่สามารถเปลี่ยนมือได้ และจะต้องแน่ใจว่าสามารถบังคับใช้ในทางขอบเขตที่เหมาะสมได้ เพื่อจำกัดการเข้าถึงไม่ให้รัสเซียกับเบลารุสใช้คริปโตเป็นเครื่องมือในการหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตร
เวลานี้ทั้งธนาคารในรัสเซียและเบลารุสต่างเริ่มเจอกับการคว่ำบาตร โดยที่ทั้งสองประเทศไม่สามารถใช้ระบบ SWIFT ที่เป็นระบบธนาคารโลกได้ ถือเป็นอุปสรรคสำคัญในการทำการค้าระหว่างประเทศ และอาจทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง