InfoQuest - บิตคอยน์ร่วงลงอย่างต่อเนื่องใกล้หลุดระดับ 42,000 ดอลลาร์ในการซื้อขายวันนี้ เพียงไม่กี่วันหลังการเปิดตัวกองทุน Spot Bitcoin ETF
อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้นักลงทุนยังคงซื้อบิตคอยน์ในช่วงขาลง โดยมองว่าแรงเทขายที่เกิดขึ้นคือโอกาสสำหรับการปรับตัวขึ้นในอนาคต
ณ เวลา 21.56 น.ตามเวลาไทย บิตคอยน์ปรับตัวลง 0.65% สู่ระดับ 42,204.39 ดอลลาร์ในการซื้อขายบนแพลตฟอร์ม Coinbase (NASDAQ:COIN)
บิตคอยน์พุ่งขึ้นทะลุระดับ 49,000 ดอลลาร์ในช่วงแรกหลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) ให้การอนุมัติการจัดตั้ง Spot Bitcoin ETF เมื่อวันที่ 10 ม.ค. แต่หลังจากนั้น บิตคอยน์ก็ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่นักลงทุนพากันเทขายหลังรับรู้ข่าว หรือ Sell on Fact เกี่ยวกับการที่ SEC ให้การอนุมัติ Spot Bitcoin ETF
นางคริสตาลินา กอร์เกียวา กรรมการจัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวยืนยันว่า คริปโทเคอร์เรนซีไม่ใช่เงิน และแม้บิตคอยน์ได้พุ่งขึ้นขานรับการเปิดตัวกองทุน Spot Bitcoin ETF แต่คริปโทก็ยังอยู่ห่างไกลจากการขึ้นมาเป็นคู่แข่งของดอลลาร์
"มุมมองของเราก็คือ เราต้องแยกให้ออกระหว่างเรื่องของเงินและเรื่องของสินทรัพย์ ซึ่งเมื่อเราพูดถึงคริปโท เรากำลังพูดถึงเรื่องของการจัดประเภทสินทรัพย์ ซึ่งหากสินทรัพย์นี้ได้รับการหนุนหลัง ก็จะมีความมั่นคงและมีความเสี่ยงน้อย แต่ถ้าไม่ได้รับการหนุนหลัง ก็จะกลายเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยง แต่คริปโทไม่ใช่เงินอย่างแน่นอน โดยเป็นเหมือนกองทุนจัดการเกี่ยวกับเงินมากกว่า"
"เหตุใดดอลลาร์จึงเป็นสกุลเงินที่โดดเด่นในทุกวันนี้ ก็เป็นเพราะขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่โตของสหรัฐ และสำคัญที่สุดคือ ระดับความลึกของตลาดทุนในสหรัฐ" นางกอร์เกียวากล่าวนายกอทัม ชูกานี นักวิเคราะห์จากเบิร์นสไตน์ ออกรายงานระบุว่า "คำแนะนำง่ายๆ ของเราสำหรับนักลงทุนทุกคนคือ ให้ซื้อเมื่อบิตคอยน์ปรับตัวลง และให้ความสนใจต่อวงจรการปรับตัวครั้งใหม่ของบิตคอยน์ โดยแรงเทขายเล็กๆ ที่เกิดขึ้นคือโอกาสสำหรับการปรับตัวขึ้นในอนาคต"
ส่วนนางอเลเซีย แฮส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินของคอยน์เบส กล่าวว่า บิตคอยน์ประสบความคืบหน้าครั้งสำคัญ หลัง SEC ให้การอนุมัติการจัดตั้ง Spot Bitcoin ETF แต่นี่เป็นการเดินทางระยะไกล และถือเป็นแค่ก้าวแรกบนเส้นทางนี้เพื่อให้คริปโทได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย ซึ่งจะปลดปล่อยเม็ดเงินหลายล้านล้านดอลลาร์เข้าตลาด จากนักลงทุนที่ก่อนหน้านี้ไม่สามารถเข้าถึงบิตคอยน์
นายทอม ลี นักวิเคราะห์จากบริษัท Fundstrat กล่าวว่า บิตคอยน์จะพุ่งแตะระดับ 100,000-150,000 ดอลลาร์ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า หาก SEC ให้การอนุมัติการจัดตั้งกองทุน Spot Bitcoin ETF ซึ่งจะดึงดูดคำสั่งซื้อจากนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันเข้าสู่ตลาด
นอกจากนี้ นายลีคาดว่าภายในระยะเวลา 5 ปี บิตคอยน์จะแตะระดับ 500,000 ดอลลาร์
ส่วนธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ออกรายงานคาดการณ์ว่า บิตคอยน์จะพุ่งแตะระดับ 200,000 ดอลลาร์ภายในปี 2568 และเม็ดเงินราว 50,000-100,000 ล้านดอลลาร์จะไหลเข้าสู่บิตคอยน์ในปีนี้ หากมีการอนุมัติ Spot Bitcoin ETF ซึ่งจะดึงดูดให้นักลงทุนสถาบันเข้าสู่ตลาดคริปโทเคอร์เรนซี
หากคาดการณ์ดังกล่าวเป็นจริง บิตคอยน์จะทำลายสถิติสูงสุดเดิมที่ทำไว้ที่ระดับ 69,000 ดอลลาร์ในเดือนพ.ย.2564
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าบิตคอยน์ยังคงมีแนวโน้มดีดตัวขึ้นต่อไป โดยได้ปัจจัยบวกจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ รวมทั้งปรากฏการณ์ Bitcoin Halving ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนมี.ค.-พ.ค.2567
ทั้งนี้ บิตคอยน์พุ่งขึ้นมากกว่า 150% ในปีที่แล้ว โดยให้ผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ ซึ่งดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นเพียง 24%