Siamblockchain - ปี 2022 ถือเป็นปีที่หนักหน่วงสำหรับแวดวงคริปโตและบล็อกเชน เนื่องจากการเกิดเหตุการณ์ที่ทำลายความเชื่อมั่นจนทำให้ทั้งนักลงทุนรวมถึงหน่วยงานกำกับดูแลมองอุตสาหกรรมคริปโตและบล็อกเชนเปลี่ยนไป และส่งผลกระทบในระยะยาวซึ่งอุตสาหกรรมคริปโตจำเป็นต้องพยายามกู้คืนความเชื่อมั่นกลับมา แต่ทั้งนี้ หากมองให้ลึกลงไปจะพบว่า ในปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมคริปโตก็ยังมีเรื่องราวดีๆ ซ่อนอยู่ ทั้งในด้านความสำเร็จของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การขยายการเข้าถึง การเปิดตัวโซลูชันใหม่เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ รวมถึงข้อคิดที่ได้จากบทเรียนครั้งสำคัญที่เพิ่งเกิดขึ้น การสร้างและพัฒนาเพื่อการใช้งานในวงกว้าง ด้านการขยายเครือข่ายบล็อกเชนให้รองรับธุรกรรมได้มากขึ้น ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ผู้คนในอุตสาหกรรมต่างพยายามพัฒนาโซลูชันในการขยายเครือข่ายบล็อกเชน (Scalability) เพื่อให้ผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมต่างๆ ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพราะความพร้อมดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในคุณสมบัติอันพึงประสงค์ 3 ประการของบล็อกเชน ( Blockchain Trilemma) เช่นเดียวกับความปลอดภัย (Security) และการกระจายศูนย์ (Decentralization) ซึ่งเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2022 ที่ผ่านมา อีเธอเรียมได้ทำการอัปเกรด The Merge หรือการเปลี่ยนกลไกจากระบบ Proof-of-Work เป็น Proof-of-Stake เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการใช้งานในวงกว้าง โดยการเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือเป็นการยกระดับความพร้อมด้านการขยายเครือข่าย หรือ scalability ที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมนับตั้งแต่การเปิดตัว Taproot ของบิทคอยน์ รวมถึงยังช่วยให้เครือข่ายอีเธอเรียมสามารถลดการใช้พลังงานได้ถึง 99.95% อีกด้วย ด้านการเพิ่มการเข้าถึงบริการและทรัพยากรคริปโต การเข้าไม่ถึงการใช้งานคริปโตถือเป็นอุปสรรคสำคัญที่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต้องเร่งแก้ไข เพราะถ้าไม่สามารถขยายการเข้าถึงในวงกว้างได้ การใช้งานคริปโตอย่างแพร่หลายก็ไม่มีทางเกิดขึ้น ดังนั้นในปีที่ผ่านมา Binance จึงได้มุ่งมั่นที่จะเพิ่มการเข้าถึงบริการและทรัพยากรด้านคริปโตมาโดยตลอด ผ่านการพัฒนาแพลตฟอร์มให้สามารถรองรับได้มากถึง
กดอ่านข่าว Binance เผย ! ไทยมีผู้ถือคริปโตติด 5 อันดับแรก และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะ 5.12 ล้านคนภายในปี 2027 ต่อที่ Siam Blockchain