โดย Ambar Warrick
Investing.com - ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงในวันอังคาร โดยสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหุ้นสหรัฐฯ แตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 4 เดือน หลังจากมีสัญญาณที่เกี่ยวกับกิจกรรมการผลิตที่ชะลอตัวทั่วโลกทำให้เกิดความกลัวว่าอุปสงค์น้ำมันดิบจะลดลง
เวลา 20.14 ET (12.15 GMT) สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI ลดลง 0.2% เป็น 93.66 ดอลลาร์ ซึ่งใกล้เคียงกับระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนท์ ที่ซื้อขายในลอนดอนลดลง 0.4% และซื้อขายต่ำกว่า 100 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบสัปดาห์
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงมากกว่า 4% ในวันจันทร์ ขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนท์ร่วง 3.8% หลังจากข้อมูลการผลิตทั่วโลกติดลบ
ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าตัวเลขภาคอุตสาหกรรมของจีนได้ หดตัวลงอย่างไม่คาดคิดในเดือนกรกฎาคม เช่นเดียวกับ กิจกรรมการผลิตในยูโรโซน
ดัชนี PMI ภาคการผลิตจากสถาบันไอเอสเอ็ม (ISM) สำหรับสหรัฐอเมริกายังแสดงให้เห็นการเติบโตที่ชะลอตัวในเดือนกรกฎาคมเช่นกัน แม้ว่าประเทศจะยังคงอยู่ในการขยายตัวก็ตาม
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต ที่รายงานโดยหน่วยงานจัดอันดับ S&P Global ได้แสดงให้เห็นตัวเลขผลผลิตของโรงงานในสหรัฐฯ อยู่ในระดับที่ต่ำที่สุดในรอบสองปีในเดือนกรกฎาคม
“ค่าครองชีพที่สูงขึ้นเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของยอดขายที่ลดลง เช่นเดียวกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่แย่ลง” คริส วิลเลียมสันหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ธุรกิจของ S&P Global (NYSE:SPGI) Market Intelligence กล่าว
“บริษัทต่าง ๆ ใช้แนวทางที่ระมัดระวังมากขึ้นในการจัดซื้อและจัดการคลังสินค้าท่ามกลางแนวโน้มที่ชะลอตัว และดูเหมือนว่าบริษัทจะลดการลงทุนลงเช่นเดียวกัน”
ด้วยอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในปีนี้ กิจกรรมทางธุรกิจ และ ความต้องการน้ำมันดิบ คาดว่าจะลดลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ตอนนี้ความสนใจของนักลงทุนเปลี่ยนไปที่ การประชุม ของ OPEC+ ที่จะมีขึ้นในวันพุธ ซึ่งกลุ่มจะตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดหาน้ำมันดิบในอนาคต
โดย OPEC เพิ่งยกเลิกการลดอุปทานน้ำมันในยุคการระบาดใหญ่ และตอนนี้คาดว่าจะรักษาระดับการผลิตให้คงที่
ขณะที่ OPEC ต้องเผชิญกับแรงกดดันจากสหรัฐฯ ให้เพิ่มการผลิต สมาชิก OPEC+ ส่วนใหญ่จะลังเลที่จะปล่อยน้ำมันออกสู่ตลาดที่มีความผันผวนสูง ความต้องการน้ำมันดิบโลกที่ลดลงก็มีแนวโน้มที่จะกระตุ้นการลดอุปทานเพื่อรักษาราคาให้คงที่