โดย Gina Lee
Investing.com – ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นเช้าวันพฤหัสบดีในตลาดเอเชีย ฟื้นตัวจากการสูญเสียก่อนหน้า เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับอุปทานทั่วโลกที่ตึงตัวมีมากกว่าความกลัวต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนท์ พุ่งขึ้น 1.45% เป็น 110.69 ดอลลาร์เมื่อเวลา 00:58 น. ET (5:58 น. GMT) หลังจากร่วงลงมากกว่า 1 ดอลลาร์ในช่วงก่อนหน้าของเซสชั่น สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.07% เป็น 108.18 ดอลลาร์ฟื้นตัวจากการสูญเสียก่อนหน้านี้ที่มากกว่า 2 ดอลลาร์และเพิ่มขึ้น 56 เซนต์หรือ 0.5% เป็น 107.60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในเดือนกรกฎาคม 2022
เกณฑ์มาตรฐานทั้งน้ำมันดิบเบรนท์และ WTI ลดลงประมาณ 2.5% ในวันพุธ
ซาโตรุ โยชิดะ นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ของ Rakuten Securities บอกกับรอยเตอร์สว่า “การเริ่มต้นที่ไม่ต่อยดีของวอลล์สตรีททำให้บรรยากาศการซื้อขายช่วงแรกเริ่มแย่ลง เนื่องจากมันเน้นย้ำถึงความกังวลเกี่ยวกับการบริโภคที่อ่อนตัวลงและความต้องการเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น”
หุ้นเอเชียในวันพฤหัสบดีถูกเทขายออกตามตลาดหุ้นวอลล์สตรีท เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกที่เพิ่มสูงขึ้น นโยบายปลอดโควิดของจีน และสงครามยูเครนทำให้เกิดความกลัวว่าเศรษฐกิจจะถดถอย
“ถึงกระนั้น ตลาดน้ำมันยังคงมีแนวโน้มที่ดี เนื่องจากการห้ามนำเข้าน้ำมันดิบของรัสเซียที่รอการอนุมัติจากสหภาพยุโรป คาดว่าจะทำให้อุปทานทั่วโลกตึงตัวยิ่งขึ้น” โยชิดะ กล่าว
โดยเมื่อต้นเดือน สหภาพยุโรปได้เสนอชุดมาตรการคว่ำบาตรใหม่ต่อรัสเซียสำหรับการรุกรานยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ. ข้อเสนอดังกล่าวรวมถึงการแบนการนำเข้าน้ำมันของรัสเซียทั้งหมดในเวลาหกเดือน แต่มาตรการดังกล่าวยังไม่ได้รับการรับรอง เพราะยังคงมีการต่อต้านจากประเทศสมาชิกรวมถึงฮังการีอย่างต่อเนื่อง
เมื่อวันพุธ คณะกรรมาธิการยุโรปได้เปิดเผยแผนมูลค่า 210 พันล้านยูโร (220.65 พันล้านดอลลาร์) สำหรับยุโรปที่จะยุติการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลของรัสเซียภายในปี 2027
ในขณะเดียวกัน ข้อมูลการจัดหาน้ำมันดิบในวันพุธจากสำนักงานข้อมูลพลังงานสหรัฐฯ พบว่ามีการเบิกออกมาใช้ 3.394 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ถึงวันที่ 13 พฤษภาคม การคาดการณ์ที่จัดทำโดย Investing.com คาดการณ์ว่าจะมีการเพิ่ม 1.383 ล้านบาร์เรล ในขณะที่มีรายงานการเพิ่มที่ 8.487 ล้านบาร์เรลในช่วงสัปดาห์ก่อนหน้า
ข้อมูลการจัดหาน้ำมันดิบจากสถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน ที่เผยแพร่เมื่อวันก่อน แสดงให้เห็นการเบิกจ่าย 2.445 ล้านบาร์เรล การใช้กำลังการผลิตทั้งบนชายฝั่งตะวันออกและชายฝั่งกัลฟ์โคสต์สูงกว่า 95% โดยโรงกลั่นเหล่านั้นได้ดำเนินการการผลิตในอัตราที่สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้