Investing.com – ความกังวลเกี่ยวกับอุปทานจากรัสเซียที่อาจะหยุดชะงัก บวกกับความวิตกกังวลต่ออุปสงค์เชื้อเพลิงในจีนที่ยังมีการล๊อคดาวน์ ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นในวันศุกร์นับเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนท์เพิ่มขึ้น 88 เซนต์หรือ 0.8% เป็น 108.47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลภายใน เวลา06.39 GMT หลังจากเพิ่มขึ้น 2.1% ในช่วงก่อนหน้า สัญญาเดือนหน้ามิถุนายนจะหมดอายุในวันศุกร์ สัญญาเดือนกรกฎาคมที่เคลื่อนไหวมากขึ้นเพิ่มขึ้น 97 เซนต์เป็น 108.23 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 55 เซนต์หรือ 0.5% ปิดที่ 105.91 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากปรับขึ้น 3.3% ในวันพฤหัสบดี
สัญญาทั้งสองฉบับถูกกำหนดให้ปิดสูงขึ้นในสัปดาห์นี้ และเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน โดยได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มที่เยอรมนีจะเข้าร่วมกับประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปอื่น ๆ ในการห้ามนำเข้าน้ำมันของรัสเซีย
อย่างไรก็ตามเนื่องจากจีนไม่ได้ผ่อนคลายมาตรการการล็อคดาวน์ส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดผันผวนและยังกระทบต่อเศรษฐกิจและห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
ในด้านอุปทาน OPEC+ มีแนวโน้มที่จะยึดติดกับข้อตกลงที่มีอยู่และตกลงที่จะเพิ่มผลผลิตเล็กน้อยในเดือนมิถุนายนเมื่อจะประชุมกันในวันที่ 5 พฤษภาคม รายงานจากสำนักข่าวรอยเตอร์ส
อย่างไรก็ตาม การผลิตน้ำมันของรัสเซียอาจลดลงมากถึง 17% ในปี 2022 เนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรของตะวันตกที่บังคับใช้กับมอสโก ซึ่งมาตรการนี้ส่งผลกระทบต่อการลงทุนและการส่งออก รัสเซียเรียกการบุกรุกนี้เป็น "ปฏิบัติการทางทหารพิเศษ" เพื่อปลดอาวุธยูเครน
มาตรการคว่ำบาตรยังทำให้เรือรัสเซียส่งน้ำมันให้กับลูกค้าได้ยากขึ้น ส่งผลให้ Exxon Mobil Corp (NYSE:XOM) ประกาศเหตุสุดวิสัยสำหรับการดำเนินงานของโครงการ Sakhalin-1 และลดกำลังการผลิตลง
ความกังวลเกี่ยวกับการหยุดชะงักของการส่งออกน้ำมันของรัสเซีย โดยเฉพาะน้ำมันดีเซล ได้ผลักดันให้อัตรากำไรของโรงกลั่นในเอเชียอยู่ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดีเซลในตลาด New York Mercantile Exchange ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 5.14 ดอลลาร์ต่อแกลลอนในวันพฤหัสบดี ขณะที่ดีเซลของ New York Harbor ซื้อขายที่ระดับพรีเมียมเป็นประวัติการณ์สำหรับราคาซื้อขายล่วงหน้าในสิ่งที่ผู้ค้าอธิบายว่าเป็นการบีบสัญญาน้ำมันดีเซลในเดือนพฤษภาคม