รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

บทวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ประจำสัปดาห์ - ยาเม็ดต้านโควิดเขย่าตลาด

เผยแพร่ 03/10/2564 15:34
อัพเดท 04/10/2564 08:12
© Reuters

โดย Barani Krishnan

Investing.com - ให้ลืมไปก่อนว่า OPEC+ จะประชุมกันอีกครั้งในวันจันทร์ หรือ ตัวเลขจ้างงานของสหรัฐอเมริกา สำหรับเดือนกันยายนที่จะออกในวันศุกร์

ให้ไปโฟกัสที่เรื่องยาต้านโควิด-19 ของ Merck ที่ประกาศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เพราะมันต่อความเสี่ยงในระยะสั้นมากกว่าปัจจัยอื่น

สำหรับผู้ที่จำได้ สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกได้รับผลกระทบครั้งใหญ่เมื่อประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกันโควิด-19 (ไฟเซอร์ (NYSE:PFE) 95%, Moderna (NASDAQ:MRNA) 94 %) ได้รับการประกาศเป็นครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน น้ำมันเบรนท์ ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลสำหรับน้ำมันในอังกฤษ พุ่งขึ้น 27% ในเดือนนั้นเดือนเดียว และเพิ่มขึ้นแล้ว 53% ในปีนี้

ยาของบริษัท Merck ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ซึ่งเป็นยารับประทานชนิดแรกสำหรับใช้รับมือกับไวรัสโควิด แม้จะมีความอิ่มเอมใจในช่วงแรกเกี่ยวกับวัคซีน แต่การเปิดตัวของพวกเขายังไม่เป็นอย่างที่คิด โดยประเทศพื้นที่ที่ยากจนที่สุดในโลกยังคงรอวัคซีน ในขณะที่กลุ่มประชากรที่ได้รับวัคซีนมากที่สุดส่วนใหญ่จะเป็นประเทศพัฒนาแล้ว

สิ่งที่เห็นได้ชัดคือประเทศต่าง ๆ กำลังผลักดันให้เศรษฐกิจของตนให้เปิดกว้าง แม้ว่าความหวาดกลัวจากโควิด-19 จะนำกลับมาใช้ใหม่จากสายพันธุ์เดลต้า แต่สิ่งที่ทำให้หลายคนไม่สามารถกลับมา "ชีวิตปกติ" ได้คือความกลัว ประกอบกับผู้ติดเชื้อใหม่ที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ

Merck (NYSE:MRK) กล่าวว่ายาเม็ด molnupiravir ที่พัฒนาร่วมกับ Ridgeback Biootherapeutics ช่วยลดความเสี่ยงของการรักษาในโรงพยาบาลหรือการเสียชีวิตได้ประมาณ 50% ในผู้ป่วยที่ไม่ได้รับวัคซีน

ประสิทธิภาพของ Molnupiravir ไม่ได้รับผลกระทบจากระยะเวลาที่เริ่มมีอาการหรือปัจจัยเสี่ยงพื้นฐานของผู้ป่วย การศึกษาของ Merck แสดงให้เห็นว่ามีประสิทธิภาพในการรักษาโควิดสายพันธุ์ต่าง ๆ รวมถึงสายพันธุ์เดลต้าที่อันตรายและประสิทธิภาพการแพร่เชื้อสูง

Merck กล่าวว่าได้เริ่มผลิตยา Molnupiravir แล้ว ยักษ์ใหญ่ด้านเภสัชกรรมคาดว่าจะผลิต 10 ล้านโดสภายในสิ้นปี 2564 และจะเพิ่มปริมาณมากขึ้นในปี 2565

บริษัทตกลงที่จะจัดหายา Molnupiravir ประมาณ 1.7 ล้านโดสเมื่อต้นปี โดยขณะนี้รอการอนุมัติฉุกเฉินสำหรับยาจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา รัฐบาลสหพันธรัฐยังมีทางเลือกในการซื้อขนาดยาเพิ่มเติมหากยาได้รับการอนุมัติ เจฟฟ์ เซียนท์ ผู้ประสานงานด้านไวรัสของทำเนียบขาวกล่าวในการบรรยายสรุปเมื่อวันศุกร์

Merck ได้ลงนามในข้อตกลงการจัดหาและซื้อยากับรัฐบาลอื่น ๆ ซึ่งอยู่ระหว่างรอการอนุมัติด้านกฎระเบียบ และกำลังหารือกับรัฐบาลอื่น ๆ เกี่ยวกับการจัดหายา Molnupiravir 

บริษัทวางแผนที่จะใช้วิธีการกำหนดราคาแบบแบ่งชั้นตามเกณฑ์รายได้ของประเทศของธนาคารโลก เพื่อให้แน่ใจว่าทุกประเทศสามารถเข้าถึง molnupiravir ได้ทั่วโลก ก่อนหน้านี้ Merckได้ประกาศว่าได้ลงนามในข้อตกลงการให้อนุญาตโดยสมัครใจสำหรับยาMolnupiravir กับผู้ผลิตยาสามัญ ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยเหลือประเทศที่มีรายได้ต่ำและปานกลางในการเข้าถึงการรักษา ข้อตกลงเหล่านี้กำลังรอการอนุมัติหรือการอนุมัติฉุกเฉินจากหน่วยงานกำกับดูแลในท้องถิ่น

ขณะที่ Merck กำลังรอการอนุมัติจากองค์การอาหารสำหรับยาเม็ด ยาตัวนี้อาจเป็นตัวเปลี่ยนเกมในการฟื้นฟูตลาดที่อาจเป็นที่ยอมรับมากกว่าวัคซีน 

นอกเหนือจากการกระตุ้นความต้องการความเสี่ยง ยาเม็ดชนิดนี้อาจช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวของงานในจำนวนที่มากขึ้น โน้มน้าวให้ธนาคารกลางสหรัฐตัดสินใจเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในที่สุด ตลาดกระทิงสำหรับน้ำมันและตลาดหุ้นไม่ควรลืมโอกาสที่เฟดจะดำเนินการอย่างรวดเร็วเช่นกัน

ด้วยการคุกคามจากอัตราเงินเฟ้อที่บ้าคลั่งมากขึ้นในแต่ละวัน การนำผู้คนกลับไปทำงานและแก้ไขห่วงโซ่อุปทานที่เสียหายควรมีความสำคัญมากกว่า แม้ว่าสิ่งนี้อาจจะหมายถึงการนำพาอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นกลับมาซึ่งอาจกดดันตลาดขาขึ้นได้

ตลาดน้ำมัน & บทสรุปราคา

ราคาน้ำมันทำผลงานดีสุดในไตรมาสในเดือนกันยายน โดยเพิ่มขึ้นเกือบ 10% และเปิดตัวอย่างแข็งแกร่งในเดือนตุลาคมเช่นกัน โดยยาต้านโควิดของ Merck เป็นปัจจัยบวกต่อตลาดน้ำมัน แม้ว่าจะมีรายงานว่า OPEC+ วางแผนที่จะผลักดันผลผลิตออกสู้ตลาดมากกว่าที่วางแผนไว้ตอนแรก

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานสำหรับน้ำมันของสหรัฐ ปิดการซื้อขายในเซสชั่นแรกของเดือนตุลาคมที่ 85 เซนต์หรือ 1.1% ที่ 75.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สำหรับสัปดาห์ WTI เพิ่มขึ้น 2.6% สำหรับเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 9.5% สูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน ในไตรมาสที่สาม เกณฑ์มาตรฐานน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 2%

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ ปิดตลาดวันศุกร์ที่ 79.28 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 97 เซนต์ หรือ 1.2% เบรนต์เพิ่มขึ้น 1.9% ในสัปดาห์ สำหรับเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 7.6% สูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน สำหรับไตรมาสที่สาม เกณฑ์มาตรฐานน้ำมันดิบโลกเพิ่มขึ้น 4.5%

กลุ่ม OPEC+ ซึ่งประกอบด้วยประเทศผู้ส่งออกน้ำมันผลิตน้ำมัน 13 แห่งที่นำโดยซาอุดิอาระเบีย และกลุ่มผู้ผลิตอีก 10 รายที่นำโดยรัสเซีย กำลังพิจารณาที่จะก้าวข้ามข้อตกลงที่มีอยู่เพื่อเพิ่มการผลิต 400,000 บาร์เรลต่อวันในการประชุมในสัปดาห์หน้า แหล่งข่าว 4 แหล่งรายงาน

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวขัดกับราคาน้ำมันที่พุ่งสูงเกือบรอบ 3 ปี และแรงกดดันจากผู้บริโภคให้มีอุปทานเพิ่มขึ้น แหล่งข่าวกล่าว

ในขณะที่กลุ่ม OPEC+ ขัดขวางความต้องการน้ำมันดิบมากขึ้นในช่วงฤดูร้อนจากทำเนียบขาวที่พยายามควบคุมภาวะเงินเฟ้อ “สถานการณ์คราวนี้มันแตกต่างออกไป” เอ็ด โมย่า นักวิเคราะห์จากแพลตฟอร์มการซื้อขายออนไลน์ OANDA กล่าว

“ OPEC+ สามารถส่งมอบได้มากกว่า 400,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนพฤศจิกายนได้อย่างง่ายดาย และพวกเขาควรพิจารณาทำเช่นนั้น” โมย่ากล่าว “วิกฤตการณ์ด้านพลังงานอาจก่อให้เกิดความผันผวนอย่างมาก และทำให้แนวโน้มการเติบโตทั่วโลกลดลง ดังนั้น OPEC+ ควรพิจารณาการปรับเปลี่ยนนโยบาย”

ราคา ก๊าซธรรมชาติ เพิ่มขึ้น 35% ในเดือนกันยายนเนื่องจากความกังวลว่าซีกโลกเหนือทั้งหมด ซึ่งประกอบด้วยอเมริกาเหนือ ยุโรป แอฟริกาเหนือ และเอเชียส่วนใหญ่อาจขาดแคลนเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เช่นเดียวกับการใช้เชื้อเพลิงทำความร้อนในฤดูหนาว

ผลกระทบจากก๊าซธรรมชาติทำให้ราคาถ่านหินเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ซึ่งเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่คนทั่วโลกนิยมน้อยที่สุดจากมุมมองด้านสิ่งแวดล้อม ถ่านหินความร้อนของออสเตรเลียที่ท่าเรือนิวคาสเซิลซึ่งเป็นมาตรฐานสำหรับตลาดเอเชียได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 106% ในปีนี้ โดยราคามากกว่า 166 ดอลลาร์ต่อเมตริกตัน ตามข้อมูลราคาสิ้นเดือนกันยายน

จอห์น คิลดัฟฟ์ หุ้นส่วนของกองทุนป้องกันความเสี่ยง Again Capital ในนิวยอร์ก บอกกับ CNBC ว่า “ผู้คนเริ่มโยนคำว่า 'วิกฤต' ไปทั่ว” เมื่อพูดถึงยุโรป “ยุโรปอกำลังจะเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเต็มที่ โดยสินค้าโภคภัณฑ์จะถูกจับตามองหลังจากที่ไม่มีใครสนใจมาหลายปี”

ราคาค่าไฟในสเปนเพิ่มขึ้นสามเท่า ซึ่งสะท้อนถึงค่าไฟฟ้าที่พุ่งสูงขึ้นทั่วสหภาพยุโรป ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา สเปน อิตาลี กรีซ สหราชอาณาจักร และอื่น ๆ กำลังวางแผนมาตรการระดับชาติ ตั้งแต่เงินอุดหนุนไปจนถึงการกำหนดราคาสูงสุด โดยมีเป้าหมายเพื่อป้องกันพลเมืองจากต้นทุนที่สูงขึ้นในขณะที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19

ตลาดทองคำ & บทสรุปราคา

สัญญาณที่เลวร้ายที่สุดในตอนนี้ของ ทองคำ อาจจบไปแล้ว โดยทองคำสามารถกำไรได้เล็กน้อยในช่วงต้นของเดือนตุลาคม ไปในทิศทางเดียวกับสินทรัพย์เสี่ยงอื่นที่พยายามฟื้นตัวจากเหตุการณ์เลวร้ายในเดือนกันยายน

ดอลลาร์ และ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอเมริกา ที่ปรับตัวต่ำลงยังช่วยให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม

  สัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำของสหรัฐ ปิดตลาดในวันศุกร์ที่ 1,758.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในตลาด Comex ของนิวยอร์ก เพิ่มขึ้น 1.40 ดอลลาร์หรือ 0.1%

โดยรวมทั้งสัปดาห์ยังมีกำไรเพิ่มขึ้น 0.4% แม้ว่าจะลดลง 2% ในวันพฤหัสบดี ซึ่งทำให้เดือนกันยายนลดลงทั้งสิ้น 3.4%

เคร็ก เออร์แลม นักวิเคราะห์จากแพลตฟอร์มการซื้อขายออนไลน์ OANDA กล่าวว่า "เราอาจเห็นทองคำกลายเป็นแหล่งหลบภัยชั้นยอด เนื่องจากความไม่แน่นอนเพิ่มสูงขึ้น

“เป็นเรื่องที่น่าสนใจที่จะดูว่าทองคำจะสามารถรักษาผลกำไรเหล่านี้ต่อได้หรือไม่ หากเรายังสามารถเลี่ยงความเสี่ยงได้ต่อไปอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า อุปสรรคมากมายยังคงรออยู่ ซึ่งจะทำให้การปีนขึ้นของราคามีความท้าทายอย่างมาก แนวต้านแรกคือ 1,760 ดอลลาร์ ตามด้วย 1,780 ดอลลาร์”

ปฏิทินตลาดพลังงานข้างหน้า

วันจันทร์ที่ 4 ต.ค

Cushing ประมาณการสินค้าคงคลังน้ำมันดิบ (เอกชน)

วันอังคารที่ 5 ต.ค

American Petroleum Institute รายงานประจำสัปดาห์เกี่ยวกับสต็อกน้ำมัน

วันพุธที่ 6 ต.ค.

รายงาน EIA รายสัปดาห์เกี่ยวกับ น้ำมันดิบคงคลัง

รายงาน EIA ประจำสัปดาห์ แก๊สโซลีนคงคลัง

รายงาน EIA รายสัปดาห์เกี่ยวกับ สินค้าคงคลังน้ำมันกลั่น

วันพฤหัสบดีที่ 7 ต.ค

รายงาน EIA ประจำสัปดาห์ การจัดเก็บก๊าซธรรมชาติ

วันศุกร์ที่ 8 ต.ค

แบบสำรวจรายสัปดาห์ของ Baker Hughes ใน แท่นขุดเจาะน้ำมันสหรัฐ

Disclaimer: บารานี ใช้ปัจจัยที่หลากหลายนำมาวิเคราะห์ตลาด เพื่อความเป็นกลาง บางครั้งเขาเสนอมุมมองที่อาจไม่ตรงกับตลาดและตัวแปรในตลาด บารานีไม่มีสินค้าโภคภัณฑ์และหลักทรัพย์ที่เขาเขียนถึงในครอบครอง



ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย