โดย Gina Lee
Investing.com – ราคาน้ำมันร่วงลงในช่วงเช้าของวัน เนื่องจากมีการเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันเบนซินในสหรัฐและข้อตกลงของกลุ่ม OPEC+ ในการเพิ่มอุปทานมีแนวโน้มมากขึ้น
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ ลดลง 0.68% สู่ 74.25 ดอลลาร์ เมื่อเวลา 01:38 น. ET (5:38 น. GMT) และ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI ลดลง 0.74% มาอยู่ที่ 72.59 ดอลลาร์
ข้อมูลอุปทานน้ำมันดิบจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานแห่งสหรัฐอเมริกา (EIA) แสดงให้เห็นว่ามีการลดลง 7.897 ล้านบาร์เรล เป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกัน มากกว่าตัวเลข 4.359 ล้านบาร์เรลที่คาดการณ์โดย Investing.com และ 6.866 ล้านบาร์เรลในช่วงสัปดาห์ก่อน
ข้อมูล EIA ยังแสดงให้เห็นปริมาณเพิ่มขึ้น 1.039 ล้านบาร์เรลใน น้ำมันเบนซินคงคลัง
ข้อมูลอุปทานน้ำมันดิบจากสถาบันปิโตรเลียมแห่งสหรัฐอเมริกา ระบุว่า ปริมาณน้ำมันลดลง 4.079 ล้านบาร์เรล ในช่วงก่อนหน้านี้
มีรายงานว่า ซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) สามารถแก้ไขข้อพิพาทจากการประชุม OPEC+ เมื่อต้นเดือน เกี่ยวกับอุปทานที่จะเพิ่มขึ้นในเดือนสิงหาคม
ข้อเสนอล่าสุดทำให้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มีโควตาการผลิตที่สูงขึ้น โดยการเจรจายังคงดำเนินต่อไป อย่างไรก็ตาม สมาชิก OPEC+ รายอื่น ๆ ต่างกำลังมองหาเงื่อนไขที่ดีกว่าเช่นกัน โดยมีรายงานว่า อิรักกำลังดำเนินการปรับเพิ่มฐานการผลิตให้มากขึ้น
ด้วยโอกาสที่อุปทานจะเพิ่มขึ้นจากกลุ่ม OPEC+ และมีแรงซื้อมากเกินไปในช่วงก่อนหน้านี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่จะเห็นราคาลดลง” ทารีค ซาฮีร์ ผู้จัดการโครงการมหภาคของ Tyche Capital Advisors กล่าวกับ Bloomberg
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับการระบาดล่าสุดของโควิดสายพันธุ์เดลต้าในหลายประเทศและผลกระทบต่อความต้องการเชื้อเพลิง โดยออสเตรเลียขยายเวลาล็อคดาวน์ซิดนีย์อีกสองสัปดาห์ ในขณะที่ผู้ป่วยรายวันในเกาหลีใต้แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,600 ราย
“ปัญหากำลังก่อตัวขึ้นในตลาดน้ำมัน เริ่มมีความกลัวว่าจำนวนผู้ป่วยโควิดที่เพิ่มขึ้นอาจชะลอการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ และนั่นเป็นภัยคุกคามที่สำคัญต่อการเติบโตของอุปสงค์น้ำมันในระยะใกล้ถึงปานกลาง” สตีเฟ่น เบร็นนอค นักวิเคราะห์ของ PVM Oil Associates กล่าวกับ Bloomberg