Investing.com - รอยเตอร์รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงในวันนี้ เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นหลังจากเฟดส่งสัญญาณว่าอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด แต่ราคายังได้รับการพยุงไว้ด้วยตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังของที่ลดลงอย่างมาก
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ลดลง 42 เซนต์หรือ 0.6% สู่ 73.97 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อเวลา 06:49 GMT หลังจากแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2019 ในช่วงก่อนหน้า
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI ลดลง 42 เซนต์หรือ 0.6% สู่ระดับ 71.73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2018 ในวันก่อนหน้า
“ตลาดพลังงานให้น้ำหนักกับฤดูท่องเที่ยวในหน้าร้อนและการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ของอิหร่าน ทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจกับท่าทีของเฟด” เอ็ดเวิร์ด โมยา นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสของ OANDA กล่าว
“เฟดถูกคาดหวังให้ระงับและยกเลิกการประชุมครั้งนี้ แต่พวกเขากลับส่งสัญญาณว่า พร้อมที่จะเริ่มหารือเกี่ยวกับการลดขนาดสินทรัพย์ และนั่นหมายความว่า ค่าเงินดอลลาร์พร้อมสำหรับการดีดตัวขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นอุปสรรคต่อสินค้าโภคภัณฑ์ทุกประเภท”
เงินดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าที่สุดในรอบ 15 เดือนหลังจากที่เฟดส่งสัญญาณว่าอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้
ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นทำให้ราคาน้ำมันในสกุลเงินดอลลาร์มีราคาแพงกว่าในสกุลเงินอื่น ๆ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออุปสงค์
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลอุปทานน้ำมันดิบจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานแห่งสหรัฐอเมริกา (EIA) ได้ช่วยพยุงราคาน้ำมันเอาไว้ โดยข้อมูลจาก EIA แสดงให้เห็นว่า ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังลดลงอย่างมาก ส่วนทางด้านโรงกลั่นก็ดำเนินงานในระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2020 อันเป็นสัญญาณว่าแนวโน้มความต้องการเชื้อเพลิงยังคงดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
การเพิ่มปริมาณการกลั่นในประเทศจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ของโลกก็ทำสถิติสูงสุดที่ 4.4% จากเดือนเดียวกันในปี 2020 ซึ่งช่วยพยุงราคาน้ำมันเอาไว้เช่นกัน
“ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงนี้น่าจะเกิดขึ้นชั่วคราว เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานทั้งด้านอุปสงค์และอุปทานน่าจะชดเชยการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ได้ไม่ยาก" โมยากล่าวทิ้งท้าย