Investing.com - ราคาน้ำมันเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยในตลาดเอเชียวันนี้ หลังข้อมูลน้ำมันคงคลังในสหรัฐฯ สะท้อนภาพที่หลากหลายเกี่ยวกับอุปทาน ขณะที่ความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่ผ่อนคลายลงส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันที่เคยสูงขึ้นจากความเสี่ยง
ราคาน้ำมันดิบอยู่ในช่วงขาดทุนบางส่วนในสัปดาห์นี้ หลังอิสราเอลและกลุ่มติดอาวุธฮิซบุลเลาะห์ในเลบานอนตกลงหยุดยิง แต่ยังคงมีการรุกโจมตีในกาซา ซึ่งทำให้ความคาดหวังเกี่ยวกับเสถียรภาพในตะวันออกกลางลดลง
การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ก็ช่วยลดการขาดทุนโดยรวมของน้ำมัน ขณะที่ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนยังคงรักษาองค์ประกอบความเสี่ยงบางประการไว้
น้ำมันดิบเบรนท์ฟิวเจอร์ส ที่จะครบกำหนดในเดือนมกราคมขยับลง 0.1% เป็น 72.78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ น้ำมันดิบ WTI ฟิวเจอร์ส ทรงตัวที่ 68.33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ณ เวลา 08:31 น. (GMT+7)
น้ำมันดิบคงคลังในสหรัฐฯ ลดลง แต่สินค้าคงคลังน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น
ข้อมูลจากรัฐบาลสหรัฐฯ เมื่อวันพุธระบุว่า สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ ในสหรัฐฯ ลดลง 1.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 22 พฤศจิกายน
แต่ สินค้าคงคลังน้ำมันเบนซิน กลับเพิ่มขึ้นถึง 3.3 ล้านบาร์เรล โดยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สอง ขณะที่ น้ำมันกลั่น คงคลังก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
การเพิ่มขึ้นของผลิตภัณฑ์น้ำมันคงคลังทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความต้องการที่ลดลงในประเทศผู้บริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงซึ่งอาจขัดขวางการเดินทาง
ตลาดน้ำมันยังคงจับตาความเสี่ยงของภาวะอุปทานล้นตลาดทั่วโลกในปี 2025 ซึ่งเกิดจากการผลิตในสหรัฐฯ ที่ทำสถิติสูงสุด
อย่างไรก็ตาม การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ได้ช่วยลดการขาดทุนเพิ่มเติมในราคาน้ำมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนักลงทุนเดิมพันว่าธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ในเดือนธันวาคม
จับตาการประชุม OPEC+
ตลาดน้ำมันกำลังจับตาการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร (OPEC+)
โดยกลุ่มผู้ผลิตมีกำหนดการณ์จะจัด การประชุม ในวันที่ 1 ธันวาคม โดยมีรายงานว่ากลุ่มอาจเลื่อนแผนการเพิ่มการผลิตออกไปอีก เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความต้องการที่ลดลงและอุปทานที่สูงจากประเทศนอกกลุ่ม OPEC
จีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก นั้นถือเป็นจุดที่ OPEC กังวลอย่างมาก เนื่องจากประเทศกำลังเผชิญกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ซบเซาและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จำกัด
แนวโน้มทางภูมิรัฐศาสตร์ของจีนยังคงไม่แน่นอน ท่ามกลางการเพิ่มภาษีการค้าของสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของโดนัลด์ ทรัมป์
ทรัมป์ยังให้คำมั่นสัญญาอีกว่าจะเพิ่มการผลิตพลังงานในสหรัฐฯ อีกด้วย