InfoQuest - สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันในวันอังคาร (22 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังไม่คาดหวังเกี่ยวกับการหยุดยิงในตะวันออกกลาง และมุ่งความสนใจไปที่สัญญาณความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นจากจีน ซึ่งอาจทำให้ตลาดตึงตัวขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.53 ดอลลาร์ หรือ 2.17% ปิดที่ 72.09 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.75 ดอลลาร์ หรือ 2.36% ปิดที่ 76.04 ดอลลาร์/บาร์เรล
ความพยายามของจีนในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชะลอตัวนั้นทำให้นักวิเคราะห์บางรายปรับเพิ่มคาดการณ์เกี่ยวกับความต้องการใช้น้ำมันในจีนซึ่งเป็นประเทศนำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลก หลังจากที่ความต้องการที่อ่อนแอจากจีน และการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนั้น ส่งผลกดดันราคาน้ำมันในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
ทั้งสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ และน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นเกือบ 2% เมื่อวันจันทร์ (21 ต.ค.) โดยฟื้นตัวขึ้นบางส่วนหลังจากลดลงมากกว่า 7% ในสัปดาห์ที่แล้ว โดยได้แรงหนุนจากการที่จีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มาตรฐาน
นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) ระบุว่า ตัวชี้วัดความต้องการน้ำมันของจีนเพิ่มขึ้นประมาณ 100,000 บาร์เรลต่อวันในสัปดาห์ก่อน สู่ระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกของจีนขยายตัวเกินความคาดหมาย
จีนกำหนดโควตานำเข้าน้ำมันดิบสำหรับปีหน้าไว้ที่ 257 ล้านตัน (5.14 ล้านบาร์เรลต่อวัน) เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่ 243 ล้านตัน
นักวิเคราะห์จาก StoneX กล่าวว่า สต็อกน้ำมันทั่วโลกบ่งชี้ถึงภาวะขาดแคลนในไตรมาส 4 ซึ่งน่าจะช่วยพยุงราคาในระยะสั้น และบ่งชี้ว่า สต็อกน้ำมันปิโตรเลียมทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 1.24 พันล้านบาร์เรลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 5 ล้านบาร์เรลจากปีที่แล้ว
ข้อมูลจากสถาบันปิโตรเลียมแห่งอเมริกา (American Petroleum Institute - API) ในวันอังคารบ่งชี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1.64 ล้านบาร์เรลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นรวมกันลดลง 3.5 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์ที่ได้รับการสำรวจโดยสำนักข่าวรอยเตอร์คาดไว้ว่า สต็อกน้ำมันดิบอาจเพิ่มขึ้นเพียง 300,000 บาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลสต็อกน้ำมันของสหรัฐในวันพุธนี้
ส่วนในตะวันออกกลางนั้น แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้พบกับ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ในความพยายามครั้งใหญ่ครั้งแรกเพื่อเรียกร้องให้มีการหยุดยิงในตะวันออกกลาง หลังจากอิสราเอลสังหารผู้นำของกลุ่มฮามาสเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยสหรัฐหวังว่าจะเป็นโอกาสสำหรับสันติภาพ
นักวิเคราะห์จาก Mizuho กล่าวว่า บลิงเคนไม่มีความคืบหน้าเท่าใดนักในการเรียกร้องให้มีการหยุดยิงในการเยือนตะวันออกกลาง 11 ครั้งที่ผ่านมานับตั้งแต่สงครามในกาซาเริ่มขึ้น ทำให้นักลงทุนคิดว่า การเยือนครั้งล่าสุดนี้จะมีอะไรที่แตกต่างออกไปหรือไม่
อิสราเอลยังคงไม่มีสัญญาณที่จะผ่อนคลายปฏิบัติการในกาซาและเลบานอน ในขณะที่ฮิซบอลเลาะห์ซึ่งเป็นพันธมิตรของอิหร่านไม่เห็นด้วยกับการเจรจา ในขณะที่การต่อสู้กับอิสราเอลยังดำเนินต่อไป