Investing.com - ราคาน้ำมันปรับลดลงเล็กน้อยในตลาดเอเชียวันนี้ เนื่องจากข้อมูลเงินเฟ้อของจีนที่หลากหลายทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลก ขณะที่ความเชื่อมั่นยังเปราะบางก่อนรายงานเงินเฟ้อสำคัญของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันดิบยังคงฟื้นตัวจากการขาดทุนในสัปดาห์ก่อน หลังจากรายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐที่อ่อนแอและการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อที่สูง กระตุ้นให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจภายในประเทศ
เมื่อเวลา 20:58 ET (00:58 GMT) น้ำมันดิบเบรนท์ฟิวเจอร์ส ซึ่งจะครบกำหนดในเดือนกรกฎาคม ลดลง 0.3% เป็น 83.53 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ น้ำมันดิบ WTI ฟิวเจอร์ส ลดลง 0.3% เป็น 77.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ยังคงมั่นใจในค่าพรีเมี่ยมความเสี่ยงต่ำจากความไม่สงบอย่างต่อเนื่องในตะวันออกกลาง เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและฮามาสนั้นทำให้เกิดการหยุดชะงักในการจัดหาน้ำมันดิบเพียงเล็กน้อย
แต่การขาดทุนของราคาน้ำมันดิบเมื่อเร็ว ๆ นี้ก็ถูกจำกัดลง หลังมีการเก็งกำไรเกี่ยวกับการลดกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องโดยองค์กรประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร ว่าจะยาวเกินกำหนดเส้นตายปลายเดือนมิถุนายนออกไป
สัญญาณที่หลากหลายจากข้อมูลเงินเฟ้อของจีน
ข้อมูลเงินเฟ้อประจำเดือนเมษายนของจีนจากเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว แสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อ CPI ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จากการสนับสนุนการใช้จ่ายทางการเงินโดยปักกิ่ง
แต่อัตราเงินเฟ้อ PPI ของจีนกลับหดตัวลงเป็นเดือนที่ 19 ติดต่อกัน ซึ่งส่งสัญญาณว่ากิจกรรมโรงงานและธุรกิจภายในประเทศยังคงอ่อนแอ
การนำเข้าน้ำมันของจีนในเดือนเมษายนลดลงจากเดือนก่อนเล็กน้อย แต่ยังคงอยู่ในระดับเดียวกันกับช่วงเดือนดังกล่าวของปีที่แล้ว เนื่องจากประเทศยังคงต่อสู้กับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ซบเซาหลังโควิด
จับตาข้อมูลเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ
ตลาดน้ำมันยังคงชะลอตัวก่อนรายงานเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้
ข้อมูล PPI ประจำเดือนเมษายนนั้นจะมีการเปิดเผยในวันอังคาร ขณะที่รายงาน CPI จะเกิดเผยแพร่ในวันพุธ
ความสนใจของตลาดกำลังมุ่งไปที่สัญญาณต่าง ๆ ของอัตราเงินเฟ้อที่เย็นลงของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐมีแรงผลักดันในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น
แนวโน้มที่อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ จะสูงต่อไปในระยะยาวนั้นถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อราคาน้ำมันในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงจะคาดว่าส่งผลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและบั่นทอนความต้องการน้ำมัน