InfoQuest - สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (29 ม.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากความกังวลว่า วิกฤตการณ์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนจะฉุดเศรษฐกิจให้อ่อนแอลงและส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 1.23 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 76.78 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 1.15 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 82.40 ดอลลาร์/บาร์เรล
ในช่วงแรกนั้น ราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้น 1.5% ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่าสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางอาจจะลุกลามเป็นวงกว้าง หลังจากกลุ่มติดอาวุธที่อิหร่านให้การสนับสนุนได้ทำการโจมตีฐานทัพสหรัฐซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจอร์แดนใกล้กับพรมแดนซีเรีย ส่งผลให้ทหารสหรัฐเสียชีวิต 3 นายและบาดเจ็บ 34 นาย ขณะที่สมาชิกสภาคองเกรสได้ออกมาเรียกร้องให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีคำสั่งโจมตีอิหร่านเพื่อเป็นการตอบโต้
แต่ราคาน้ำมันอ่อนแรงลงในเวลาต่อมา เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าวิกฤตการณ์ในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมัน หลังจากศาลสูงฮ่องกงมีคำสั่งให้บริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของจีน ยุติกิจการและขายสินทรัพย์เพื่อนำเงินมาใช้หนี้ที่สูงถึง 2.39 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 3.33 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ ภาคอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นเสาหลักสำคัญในการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน และมีสัดส่วนผลผลิตทางเศรษฐกิจสูงเกือบ 30% ซึ่งการล้มละลายของเอเวอร์แกรนด์อาจจะส่งผลกระทบลุกลามไปยังบริษัทอื่น ๆ ในภาคอสังหาริมทรัพย์
ตลาดจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 30-31 ม.ค.นี้ ขณะที่นักลงทุนเทน้ำหนักเกือบ 100% ต่อคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ในวันนี้ ก่อนที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการวันพุธ