Investing.com - ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในตลาดเอเชียวันนี้ หลังจากกองกำลังที่นำโดยสหรัฐฯ เปิดการโจมตีทางอากาศต่อกลุ่มฮูตีในเยเมนที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ทำให้เกิดความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการหยุดชะงักของอุปทานในตะวันออกกลาง
กองทัพสหรัฐฯ ทำการโจมตีทางอากาศต่อพื้นที่หลายแห่งภายใต้การควบคุมของกลุ่มฮูตีเมื่อช่วงค่ำของวันพฤหัสบดี ตามรายงานของสื่อ โดยการโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่อิหร่านยึดเรือบรรทุกน้ำมันที่มีน้ำมันของอิรักในอ่าวโอมาน
ความตึงเครียดจากอิหร่านและการโจมตีของกลุ่มฮูตีทำให้ผู้ประกอบการขนส่งหลายรายหลีกเลี่ยงภูมิภาคนี้ ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความล่าช้าที่อาจเกิดขึ้นในการขนส่งน้ำมันดิบผ่านคลองสุเอซ
สงครามอิสราเอล-ฮามาสที่เป็นหัวใจสำคัญของความไม่มั่นคงตลอดช่วงที่ผ่านมาในตะวันออกกลาง ก็ไม่มีท่าทีว่าจะยุติเช่นกัน
ความกังวลที่ยังคงมีอยู่เกี่ยวกับตะวันออกกลางได้ช่วยสนับสนุนราคาน้ำมันในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่ตลาดเกรงว่าความขัดแย้งที่แพร่กระจายไปทั่วภูมิภาคนี้นั้นจะกระทบต่ออุปทานน้ำมันในปี 2024
น้ำมันดิบเบรนท์ฟิวเจอร์ส ซึ่งจะครบกำหนดในเดือนมีนาคม ปรับขึ้น 1.9% เป็น 78.85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ น้ำมันดิบ WTi ฟิวเจอร์ส เพิ่มขึ้นเกือบ 2% เป็น 73.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อเวลา 20:08 ET (01:08 GMT)
ความตึงเครียดในตะวันออกกลางช่วยให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นจากขาลง
ความกังวลเรื่องการหยุดชะงักของอุปทานช่วยให้ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นแม้จะมีสัญญาณลบมากมายในสัปดาห์นี้ แม้ว่าราคาน้ำมันจะยังคงอยู่ที่ระดับทรงตัวในสัปดาห์นี้ก็ตาม
ข้อมูลในวันพฤหัสบดีแสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อ ดัชนีราคาผู้บริโภค ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดไว้เล็กน้อยในเดือนธันวาคม ซึ่งทำให้ความหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงต้นนั้นลดลง
ก่อนหน้านี้ข้อมูล สินค้าคงคลังน้ำมัน ของสหรัฐฯ ในวันพุธแสดงให้เห็นว่าสินค้าคงคลังน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเกินคาด โดยปริมาณสินค้าคงคลังของ น้ำมันเบนซิน และ น้ำมันดิบคงเหลือประจำสัปดาห์ เพิ่มขึ้นอย่างมากเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน ตัวเลขแสดงให้เห็นว่าอุปสงค์ของผู้บริโภคเชื้อเพลิงรายใหญ่ที่สุดของโลกยังคงอ่อนแอ โดยพายุฤดูหนาวที่รุนแรงได้ส่งผลกระทบต่อการเดินทางภายในประเทศเป็นอย่างมาก
ราคาน้ำมันเริ่มต้นสัปดาห์ได้อย่างอ่อนแอ หลังจากที่ซาอุดีอาระเบียผู้ส่งออกรายใหญ่ลดราคาขายน้ำมันไปยังตลาดเอเชียและบางส่วนของยุโรป เนื่องจากต้องต่อสู้กับการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นและอุปสงค์ที่อ่อนตัวลง
ความแข็งแกร่งของราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ยังได้แรงหนุนจากมาตรการเข้าซื้อต่อรองราคา หลังจากที่ราคาร่วงลงกว่า 10% ในปี 2023 และปรับลงอีกในสัปดาห์แรกของปี 2024 หากไม่มีการหยุดชะงักในตะวันออกกลาง ตลาดน้ำมันคาดว่าจะยังคงมีอุปทานเพียงพอเป็นส่วนใหญ่ในช่วงต้นปี 2024 จากกำลังการผลิตในสหรัฐฯ ที่สูงเป็นประวัติการณ์ ขณะที่อุปสงค์คาดว่าจะอ่อนตัวลงท่ามกลางแรงกดดันจากอัตราดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้อที่สูง
ผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่อย่างจีนก็คาดว่าจะมีอุปสงค์ที่ลดลงเช่นกัน เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังหลังวิกฤตการณ์โควิดนั้นเป้นไปได้อย่างยากลำบาก โดยข้อมูล อัตรเงินเฟ้อ และ ดุลการค้า ประจำเดือนธันวาคม ที่จะมีการเปิดเผยในวันศุกร์นั้นคาดว่าจะให้สัญญาณเพิ่มเติม