Investing.com - ราคาน้ำมันยังคงอยู่ในกรอบแคบในช่วงที่การซื้อขายเบาบางของตลาดเอเชียวันนี้ เนื่องจากตลาดกำลังคาดการณ์แนวโน้มที่อุปทานอาจหยุดชะงักอย่างต่อเนื่องในทะเลแดงต่อความกังวลว่าการผลิตจะสูงขึ้นในปี 2024
ราคาน้ำมันดิบมีความแข็งแกร่งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากการโจมตีของกลุ่มฮูตีเยเมนซึ่งเป็นพันธมิตรกับอิหร่านบนเรือในทะเลแดงได้ขัดขวางเส้นทางการเดินเรือในภูมิภาค ชี้ให้เห็นถึงความล่าช้าที่อาจเกิดขึ้นในการส่งมอบน้ำมันผ่านคลองสุเอซ
แต่ราคาน้ำมันที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องได้ถูกระงับโดยแนวโน้มการผลิตที่สูงขึ้นในปี 2024 หลังแองโกลาถอนตัวออกจากองค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการลดกำลังการผลิตครั้งล่าสุด ในขณะนี้มีการคาดการณ์ว่าประเทศในแถบแอฟริกาจะทำการเพิ่มกำลังการผลิตในปีหน้า
การผลิตของสหรัฐฯ ก็ยังอยู่ที่ระดับสูงสุดในเดือนธันวาคมเช่นกัน โดยสหรัฐฯ นั้นพยายามเติมเต็มช่องว่างกำลังการผลิตที่ลดลงจากการลดการผลิตล่าสุดของ OPEC ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันล้นตลาดในปี 2024 ส่งผลให้ราคาน้ำมันมีแนวโน้มอ่อนแอ
น้ำมันดิบเบรนท์ฟิวเจอร์ส ซึ่งจะครบกำหนดในเดือนกุมภาพันธ์ ปรับลง 0.4% เป็น 79.04 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ น้ำมันดิบ WTI ฟิวเจอร์ส ทรงตัวที่ 73.76 ดลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อเวลา 20:15 น. ET (01:15 GMT) ปริมาณการซื้อขายนั้นเบาบางลงช่วงวันหยุดคริสต์มาสในตลาดหลักหลายแห่ง
ราคาน้ำมันคาดว่าจะขาดทุนอย่างมากในปี 2023 เนื่องจากความกังวลด้านอุปสงค์ยังคงมีอยู่
น้ำมันดิบเบรนท์ และน้ำมันดิบ WTI อยู่ในระดับขาดทุนประมาณ 8% ในปี 2023 เนื่องจากการลดกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องของ OPEC ไม่ได้ช่วยชดเชยความกังวลที่มีมาอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันดิบที่ลดน้อยลง
การฟื้นตัวหลังวิกฤตโควิด-19 ของผู้นำเข้าน้ำมันชั้นนำอย่างจีนนั้นก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในปีนี้ ขณะที่เศรษฐกิจยูโรโซนส่วนใหญ่ เข้าสู่ภาวะถดถอยท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่สูงและสภาวะการเงินที่ตึงตัวมากขึ้น
แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะสวนทางกับแนวโน้มนี้เป็นส่วนใหญ่ แต่ตลาดยังคงไม่แน่ใจว่าความต้องการของประเทศที่บริโภคเชื้อเพลิงรายใหญ่ที่สุดของโลกนั้นจะเพียงพอที่จะชดเชยการบริโภคทั่วโลกที่ลดลงหรือไม่
การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์เมื่อเร็ว ๆ นี้ส่งผลให้ราคาน้ำมันผ่อนคลายลง เนื่องจากข้อมูลแสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อกำลังเย็นลงอย่างต่อเนื่องในสหรัฐอเมริกา แนวโน้มดังกล่าวคาดว่าจะเพิ่มโอกาสการปรับลดอัตราดอกเบี้ยโดยธนาคารกลางสหรัฐในปี 2024 แม้ว่าช่วงเวลาของการดำเนินงานดังกล่าวจะยังคงไม่แน่นอนก็ตาม