Investing.com - ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงในวันจันทร์ ขณะที่ราคาสัญญาซื้อน้ำมันเบนซินล่วงหน้าปรับตัวสูงขึ้นไปสู้ระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2015 เนื่องจากตลาดพลังงานได้เข้าใจถึงผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีในบริเวณชายฝั่งของอ่าวสหรัฐฯ
เฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ได้เข้าโจมตีชายฝั่งที่เท็กซัสในช่วงสุดสัปดาห์ คร่าชีวิตคนไปแล้วอย่างน้อย 2 คน นับว่าเป็นพายุเฮอร์ริเคนที่มีพลังมากที่สุดในรอบมากกว่า 50 ปี ก่อให้เกิดน้ำท่วมใหญ่และการปิดตัวของท่าเรือและโรงกลั่นหลายแห่งในฮูสตัน
ศูนย์พายุเฮอริเคนแห่งชาติสหรัฐฯ (NHC) กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่าฮาร์วี่ย์กำลังเคลื่อนห่างจากชายฝั่ง แต่คาดว่าจะเคลื่อนตัวอยู่ใกล้ฝั่งจนถึงวันอังคาร และน้ำท่วมที่เกิดขึ้นจะกระจายตัวจากเท็กซัสไปทางทิศตะวันออกและเข้าสู่หลุยเซียน่า
พื้นที่เท็กซัสมีกำลังการกลั่นประมาณ 5.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในขณะที่หลุยเซียน่ามีกำลังการกลั่นที่ 3.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน คาดว่ากำลังการกลั่นประมาณ 2 ล้านบาร์เรลต่อวันจะหายไปเนื่องจากพายุ
ตามรายงานสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมสหรัฐฯ รายงานว่า ประมาณ 22% ของการผลิตน้ำมัน หรือ 379,000 บาร์เรลต่อวันจะหยุดไปเนื่องจากพายุในบ่ายวันอาทิตย์ และอาจจะมีการผลิตที่อยู่บนฝั่งอีกประมาณ 300,000 บาร์เรลต่อวันที่หยุดไปเช่นเดียวกัน
สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนตุลาคมอยู่ที่ 47.37 เหรียญต่อบาร์เรล เมื่อเวลา 3:25 น. ตามเวลามาตรฐานฝั่งตะวันออก (07.25ตามเวลามาตรฐานโลก) ลดลง 50 เซนต์หรือประมาณ 1% ในขณะที่ สัญญาซื้อขายน้ำมันเบรนท์ล่วงหน้า สำหรับการส่งมอบเดือนตุลาคมในตลาดล่วงหน้า ICE ณ กรุงลอนดอนลดลง 12 เซนต์ ไปสู่ระดับ 51.86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 0.9% ในวันศุกร์ ก่อนที่พายุฮาร์วีจะทำให้แผ่นดินถล่ม แต่ราคาก็ยังคงลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่4 ติดต่อกัน
ราคาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของผลผลิตหินน้ำมันในสหรัฐฯที่หักลบกับการลดการผลิตจากโอเปกและสมาชิกที่ไม่ใช่สมาชิกกลุ่มโอเปก
โอเปกและผู้ผลิต 10 รายที่อยู่นอกเขตการค้า รวมทั้งรัสเซีย ตกลงกันตั้งแต่ต้นปีว่าจะลดปริมาณการผลิตจำนวน 1.8 ล้านบาร์เรล จนถึงเดือนมีนาคม ปี 2018 เพื่อลดปริมาณการผลิตทั่วโลกและทำให้ตลาดสมดุลอีกครั้ง
ข้อตกลงนี้มีผลกระทบน้อยมากต่อระดับสต็อกน้ำมันทั่วโลกอันเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของอุปทานจากผู้ผลิตที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในข้อตกลง เช่น ลิเบียและไนจีเรีย รวมถึงการเพิ่มขึ้นของผลผลิตน้ำมันจากหินน้ำมันในสหรัฐฯอย่างไม่ลดละ
เนื่องจากผลผลิตที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐฯ ราคาน้ำมันดิบ WTI ไปจนถึงน้ำมันเบรนท์ จึงลดลงอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาเกือบสองปี ไปอยู่ที่ 4.49 เหรียญต่อบาร์เรล
ในตลาด Nymex ราคาสัญญาซื้อขายน้ำมันเบนซินล่วงหน้าสำหรับเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้น 4.9 เซนต์หรือประมาณ 3.2% ไปสู่ระดับ 1.59 เหรียญต่อแกลลอน ซึ่งก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันเบนซินได้เพิ่มขึ้นสูงถึง 7% แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2015 ที่ 1.618 ดอลลาร์
ในขณะที่สัญญาน้ำมันเพื่อใช้สำหรับความร้อนส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่ม 2.4 เซนต์หรือ 1.5% เป็น 1.648 เหรียญต่อแกลลอน