Investing.com - ตลาดหุ้นเอเชียกลับตัวในช่วงต้นวัน โดยนักลงทุนต่างชะลอการซื้อขายก่อนที่จะมีการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ และการประชุมนโยบายการเงินของยุโรปในสัปดาห์นี้ ขณะที่ราคาน้ำมันร่วงลงจากความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบาง .
สัญญาซื้อขายล่วงหน้า E-mini ของดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.07% ในขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าดัชนี FTSE ทรงตัว ทำให้เกิดการซื้อขายอยางเบาบางในตลาดหุ้นยุโรป
ดัชนีหุ้นเอเชียแปซิฟิกนอกประเทศญี่ปุ่น MSCI ร่วงลง 0.36% ในช่วงบ่าย กลบล้างการเพิ่มขึ้นในช่วงเช้า ส่วน สัญญาซื้อขายล่วงหน้า Hang Seng ของฮ่องกงลดลง 0.42%
ดัชนี Shanghai Shenzhen CSI 300 ของจีนร่วงลงมากกว่า 1.3% ด้วยแรงกดดันจากกลุ่มบริษัทผลิตสุรา เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการประเมินมูลค่าที่สูงเกินไป บวกกับความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ
ดัชนี Nikkei 225 ของญี่ปุ่น ลดลง 0.19% เนื่องจากราคาของหุ้นบริษัทใหญ่ ๆ ร่วงลงสวนทางกับการเพิ่มขึ้นของหุ้นบริษัท Eisai (OTC:ESALY) ซึ่งเป็นผู้ผลิตยารักษาโรคอัลไซเมอร์ ที่เพิ่งได้รับการอนุมัติจากสหรัฐฯ
SETกลับตัวด้วยเช่นกัน โดยช่วงบ่าย +1.21 ทรงตัวอยู่ที่ 1,613.80
ไคล์ รอดด้า นักวิเคราะห์ตลาดของ IG กล่าวว่า ตลาดยังขาดตัวกระตุ้น เนื่องจากนักลงทุนต่างรอคอยข่าวและประเด็นข้อมูลต่าง ๆ ที่มีความสำคัญ
“ตลาดเงียบเหงา เพราะมีความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อและธนาคารกลาง” เขากล่าว "โดยรวมแล้ว เรากำลังอยู่ท่ามกลางสภาวการณ์เชิงลบเกี่ยวกับสินทรัพย์เสี่ยง"
ธนาคารกลางยุโรปจะจัดประชุมนโยบายในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐจะประกาศ ซึ่งอาจกระตุ้นให้เฟดหารือเรื่องการลดสัดส่วนสินทรัพย์ ส่วนในเอเชีย ข้อมูลเงินเฟ้อของจีนจะมีการเผยแพร่ในวันพุธนี้
เรย์ แอททริล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ FX ของ National Australia Bank (OTC:NABZY) กล่าวว่า "ราคาสินทรัพย์ทุกประเภทไม่ได้เคลื่อนไหวมากนัก ในช่วงเริ่มต้นของสัปดาห์นี้"
"เป็นการยากที่จะหลีกเลี่ยงความรู้สึกที่ว่า ตลาดทั่วโลกส่วนใหญ่ตอนนี้อยู่ท่ามกลางความเสี่ยงจากเหตุการณ์สำคัญ ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ไม่เกิดแรงผลักดันมากนักในระหว่างนี้" เขากล่าว
สัญญาซื้อขายล่วงหน้า S&P/ASX 200 ของออสเตรเลียเป็นดัชนีหลักเพียงดัชนีเดียวที่อยู่ในแดนบวก โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.18%
ดัชนีตลาดทั่วโลกของ MSCI ขยับขึ้น 0.1% โดยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งที่หก ในรอบเจ็ดวัน หลังจากกลุ่มประเทศ G7 บรรลุข้อตกลงครั้งสำคัญเพื่อสนับสนุนอัตราภาษีนิติบุคคลทั่วโลกขั้นต่ำอย่างน้อย 15%
ข้อตกลงดังกล่าวทำให้ราคาหุ้นของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี เช่น MMicrosoft Corporation (NASDAQ:MSFT)และFacebook Inc (NASDAQ:FB) เพิ่มขึ้น เนื่องจากภาระภาษีในอนาคตของบริษัทเหล่านี้จะสามารถคาดการณ์ได้ง่ายขึ้น
ราคาน้ำมันร่วงลงต่ออีกหนึ่งวัน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสถานะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่เปราะบาง บวกกับข้อมูลที่บ่งบอกว่าการนำเข้าน้ำมันของจีนลดลงในเดือนพฤษภาคม
น้ำมันเบรนท์ลดลงเหลือ 70.96 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อเวลา 05:30 GMT โดยลดลง 53 เซนต์หรือ 0.74% ส่วนน้ำมันสหรัฐปิดตัวลดลง 47 เซนต์หรือ 0.68% อยู่ที่ 68.76 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาทองคำปรับตัวลดลงในวันนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งขึ้น ราคาสปอตทองคำลดลง 0.12% อยู่ที่ 1,896.71 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อเวลา 05:34 GMT
ดัชนีดอลลาร์เพิ่มขึ้น 0.1% ส่งผลให้ทองคำมีราคาแพงกว่าสำหรับผู้ที่ซื้อด้วยเงินสกุลอื่น