ลุ้นผลประกอบการ 2Q63 ฟื้นตัว
- ปรับแผนการผลิตช่วงสั้น ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
- แต่เชื่อว่า 2Q63 พลิกกลับมาเป็นกำไร หลังรายงานขาดทุน 1Q63 จำนวนมาก
- คาดราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวในช่วง 2H63 ทั้งปี 2563 เราคาดราคาน้ำมันดิบเฉลี่ย 36 เหรียญต่อบาร์เรล
- สภาพคล่องไม่มีปัญหา ฐานะการเงินแข็งแกร่ง
- โครงการ CFP เดินหน้าตามแผน ยังเชื่อว่าจะ COD
ปรับแผนการผลิต รับผลกระทบช่วงสั้น
แนวโน้มผลประกอบการ 2Q63 ฟื้นตัว แม้บริษัทปรับแผนลดกำลังกลั่นลงเหลือ 90% - 95% เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการใช้ภายในประเทศที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 แต่เรายังเชื่อว่าผลประกอบการ 2Q63 จะพลิกกลับมาเป็นกำไรจาก (1) ราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัว จะทำให้บริษัทพลิกกลับมามี Stock gain และ (2) ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีที่แข็งแกร่ง ขณะที่เราคาดหวังจะเห็นการฟื้นตัวของค่าการกลั่น หลังบริษัทรายงานค่าการกลั่น (Market GRM) ใน 1Q63 เพียง 0.1 เหรียญต่อบาร์เรล จากต้นทุนที่ลดลง โดยเฉพาะตั้งแต่ช่วงปลาย 2Q63
คาดราคาน้ำมันดิบกลับมาฟื้นตัว 2H63
เราคาดว่าราคาน้ำมันดิบจะกลับมาฟื้นตัวอย่างชัดเจนในช่วงปลาย 2Q63 โดยจุดต่ำสุดของ Demand น้ำมันดิบผ่านไปแล้วในช่วง มี.ค. – เม.ย. จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่หยุดชะงัก ตามแผนควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่เข้มงวดในหลายประเทศ การกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้งตั้งแต่ พ.ค. เป็นปัจจัยหนุนการฟื้นตัวของความต้องการใช้น้ำมันดิบ ขณะที่แผนลดการผลิตตามข้อตกลงจากการประชุม OPEC+ และกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันดิบโลกอย่าง สหรัฐฯ บราซิล และแคนาดา คาดว่าจะมีการลดกำลังผลิตรวม 15 ล้านบาร์เรลต่อวัน (MBD) โดยเฉพาะกลุ่ม OPEC+ จะลดกำลังผลิตลง 23% เมื่อเทียบกับกำลังผลิตในช่วงเดือน ต.ค. 62 อย่างไรก็ตามผลกระทบจาก COVID-19 ขณะที่แผนการปรับลดการผลิตของกลุ่ม OPEC+ จะยังมีต่อเนื่องถึง เม.ย. 2564 (ข้อกำหนดของกลุ่ม OPEC+ ลดกำลังผลิตเดือน มิ.ย.–ธ.ค. 2563 ประมาณ 7.7MBDและ ลดอีก 5.8MBD ในช่วง ม.ค. – เม.ย. 2564) โดยเราคาดว่าราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยในปี 2563 – 2564 จะอยู่ที่ 36 และ 40 เหรียญต่อบาร์เรล ตามลำดับ
สภาพคล่องไม่มีปัญหา ฐานะการเงินแข็งแกร่ง โครงการ CFP เดินหน้าตามแผน
จากการเข้าฟังผู้บริหารล่าสุดในงาน Analyst Meeting (Conference Call) เกี่ยวกับโครงการ CFP ยังคงเดินหน้าตามแผน แต่มีโอกาสล่าช้าจากสถานการณ์ปัจจุบันที่ส่งผลกระทบกับงานก่อสร้าง แต่บริษัทยังเชื่อว่าจะสามารถเริ่มดำเนินงานภายในปี 2567 ขณะที่ฐานะทางการเงินของบริษัทยังแข็งแกร่ง จากสภาพคล่องที่มีอยู่สูง โดยบริษัทมีเงินสด ณ สิ้น 1Q63 อยู่ที่ 6.25 หมื่นล้านบาท และมีหนี้สินต่อทุนสุทธิ (Net Debt to Equity) เพียง 0.6 เท่า เพียงพอรองรับการขยายเงินกู้ ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะออกหุ้นกู้เพิ่มอีก 2 พันล้านเหรียญ นอกจากนี้การดำเนินธุรกิจในช่วงที่ราคาน้ำมันดิบอยู่ในระดับต่ำ จะทำให้บริษัทประหยัด Working Capital สำหรับการบริหารน้ำมัน
ยังน่าสนใจในการลงทุน จากค่าการกลั่นที่คาดว่าจะทยอยกลับมาฟื้นตัว
จุดต่ำสุดของผลประกอบการปี 2563 ผ่านไปแล้วในช่วง 1Q63 ที่ผ่านมา ขณะที่เราคาดหวังจะเห็นการฟื้นตัวของค่าการกลั่นและส่วนต่างราคาปิโตรเคมี จาก (1) มาตรการล็อกดาวน์เมืองที่เริ่มผ่อนคลายของไทยและในหลายประเทศ เป็นปัจจัยกระตุ้นความต้องการใช้เชื้อเพลิง (2) แนวโน้ม Crude Premium ที่ลดลง จากการประกาศราคาส่งออกน้ำมันดิบของซาอุฯ และ (3) กำลังกลั่นที่ภูมิภาคที่ลดลง จากผลของค่าการกลั่นที่อยู่ในระดับต่ำ เป็นปัจจัยบวกต่อผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปี ทำให้เรายังแนะนำ “ซื้อ” เช่นเดิม
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities
ดูกราฟราคาหุ้น ไทยออยล์ (BK:TOP)
https://th.investing.com/equities/thai-oil
ร่วมพูดคุยเกี่ยวกับหุ้น ไทยออยล์