ทันทีที่เปิดตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาหุ้นของบริษัทออราเคิล (NYSE:ORCL) ก็ปรับตัวขึ้นทันที 7% และล่าสุดเมื่อวานนี้ก็ยังสามารถขึ้นได้อีก 8.5% สาเหตุของข่าวดีนี้ก็ไม่ใช่เรื่องอื่นใดนอกจากการปาดหน้าคว้าสิทธิ์เป็นพาร์ทเนอร์กับแอปพลิเคชัน “ติ๊กตอก (TikTok)” ซึ่งมีผู้ใช้งานชาวอเมริกันอยู่ร่วม 100 ล้านคนแทนที่บริษัทไมโครซอฟต์ (NASDAQ:MSFT)
หลังจากที่ข่าวนี้ประกาศออกไปคำถามที่นักลงทุนมีต่อการตัดสินใจครั้งนี้ก็คือว่า “ทำไมการประกาศนี้ถึงสร้างแรงซื้อให้กับหุ้นออราเคิลได้มากนัก? มีอะไรรับประกันความเสี่ยงในครั้งนี้ไหม? ที่ผ่านมาบริษัทออราเคิลไม่ได้มีผลงานอะไรที่โดดเด่นเลยนอกจากการเป็นบริษัทแบบ B2B เท่านั้น? ทำไมนักลงทุนถึงเชื่อมั่นในออราเคิลขนาดนั้นทั้งๆ ที่ข้อตกลงระหว่างทั้งสองฝ่ายยังไปไม่ถึงเงื่อนไขสุดท้ายเลย?”
เมื่อเป็นบริษัทที่มาจากประเทศจีนจึงไม่แปลกใจเลยที่ติ๊กตอกจะเคยโดนตั้งข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานซึ่งที่ผ่านมาประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้นำประเด็นนี้มาเป็นข้อโจมตีผลิตภัณฑ์จากประเทศจีนมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้โดนัลด์ ทรัมป์เคยออกมาประกาศว่าจะแบนแอปพลิเคชันติ๊กตอกจากประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นไม่นานเขาก็กลับคำให้เวลาไมโครซอฟต์เจรจาปิดการขายกับติ๊กตอกให้ได้ภายใน 45 วันก่อนที่มาจบลงด้วยชัยชนะของออราเคิล
อ้างอิงข้อมูลจาก Wall Street Journal กล่าวว่า “หนึ่งในเงื่อนไขที่บริษัททั้งสองตกลงร่วมกันคือติ๊กตอกจะกลายเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทออราเคิลและจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการส่งข้อมูลของแอปพลิเคชันกลับไปยังประเทศจีน เงื่อนไขนี้จะทำให้ติ๊กตอกกลายเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทออราเคิลและในขณะเดียวกันบริษัทแม่อย่าง ByteDance ยังคงได้สิทธิ์การเป็นเข้าของติ๊กตอกอย่างเต็มที่”
จากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ระบุว่าเมื่อข้อตกลงออกมาเป็นเช่นนี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะไม่มีทางเลือกนอกจากยอมให้ดีลนี้เกิดขึ้นเนื่องจาก CEO ของบริษัทนาย Larry Ellison เป็นผู้สนับสนุนคนหนึ่งของโดนัลด์ ทรัมป์ ถามว่าออราเคิลจะได้ประโยชน์อะไรจากการตกลงทางการค้าในครั้งนี้? คำตอบก็คือติ๊กตอกสามารถใช้พื้นที่เก็บข้อมูลที่บริษัทออราเคิลมีเป็นฐานในการเก็บข้อมูลผู้ใช้งานได้ ที่สำคัญติ๊กตอกจะได้รับข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคชาวอเมริกันไม่ต่างกับข้อมูลที่เฟซบุ๊ก (NASDAQ:FB) มี
แต่นักลงทุนในตลาดอาจไม่เห็นข้อดีของการตกลงในครั้งนี้จึงทำให้หุ้นของออราเคิลปรับตัวลดลงมา 4.2% ในความเห็นของ investing.com เรามองว่าราคาหุ้นของออราเคิลมีโอกาสขึ้นในระยะสั้นและระยะกลาง แต่ในระยะยาวกราฟมีโอกาสปรับตัวลดลง หลังจากที่เราได้เห็นกราฟขาขึ้นของ NASDAQ 100 อ่อนกำลังลงทำให้เราคิดว่าหุ้นของออราเคิลมีโอกาสขึ้นไปจนถึงแนวต้านของรูปบบสามเหลี่ยมปากอ้าหลังจากนั้นก็จะปรับตัวลดลงมา
จากรูปเราจะเห็นว่ากราฟหุ้นของออราเคิลวิ่งอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นมาจากตั้งจุดต่ำสุดของเดือนมีนาคมและสามารถขึ้นสร้างจุดสูงสุดในเดือนกรกฎาคมปี 2019 ได้ แต่เพราะยังไม่สามารถขึ้นยืนเหนือจุดสูงสุดนี้ได้ 100% เราจึงไม่สามารถบอกได้ว่านี่คือรูปแบบหัวไหล่ (Head & Shoulder) ที่สมบูรณ์แล้ว แทนที่จะสามารถขึ้นยืนเหนือได้อย่างมั่นใจหุ้นออราเคิลกับร่วงลงมาทันทีที่ขึ้นยืนเหนือ 15%
อีกหนึ่งคำถามที่เป็นไปได้ก็คือว่าจุดกลับตัวด้วยรูปแบบหัวไหล่ในตอนนี้จาก $40 ขึ้นมาถึง $54 ถือว่าเป็นจุดต่ำสุดตามตำราแล้วหรือไม่เพราะโดยปกติแล้วหัวไหล่สำหรับกลับตัวเป็นขาขึ้นต้องเกิดในตลาดขาลงเท่านั้น เหตุผลที่เรามองว่าการปรับตัวด้วยเป็นรูปแบบหัวไหล่ตอนนี้มีเหตุผลสนับสนุนเดียวนั่นก็คืออินดิเคเตอร์ทั้ง MACD และ RSI ที่ต่างก็ส่งสัญญาณสนับสนุนแนวโน้มขาขึ้น โดยรวมแล้วการลงทุนกับหุ้นออราเคิลตอนนี้จึงถือว่ามีความเสี่ยงสูง จนกว่าราคาจะสามารถขึ้นไปทดสสอบแนวต้านด้านบนได้ค่อยตัดสินใจก็ยังไม่สาย
กลยุทธ์การเทรด
เทรดเดอร์ที่ไม่ชอบความเสี่ยง จะรอจนกว่าราคาจะสร้างรูปแบบลิ่มขาขึ้นโดยสมบูรณ์และมีแท่งเทียนที่แสดงให้เห็นถึงการสะสมแรงเหนือรูปแบบลิ่มก่อนที่จะตัดสินใจวางคำสั่งซื้อ
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง สำหรับขาขึ้นจะรอให้เกิดแท่งเทียนสีเขียวแท่งใหญ่เหนือรูปแบบลิ่มฟรือการดีดกลับลงมาเพื่อทดสอบแนวรับของแนวโน้มขาขึ้น
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้สูง จะวางคำสั่งซื้อทันทีตอนนี้โดยมีเหตุผลรองรับคือแท่งเทียนของวันอังคารสามารถมีราคาปิดเหนือกว่าแท่งเทียนสองแท่งก่อนหน้า อย่างไรก็ตามนักลงทุนที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มนี้ควรจะเป็นนักลงทุนที่มีวินัยและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้
ตัวอย่างการเทรด (ขาขึ้น)
- จุดเข้า: $61
- Stop-Loss: $60
- ความเสี่ยง: $1
- เป้าหมายในการทำกำไร:$69
- ผลตอบแทน: $8
- อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:8