มหกรรมลดราคา Black Friday เริ่มต้นขึ้นแล้ว ตอนนี้! ห้ามพลาดกับส่วนลดสูงสุดถึง 60% InvestingProรับส่วนลด

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ ภาคบ่าย ทองคําได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย

เผยแพร่ 23/04/2564 12:42
XAU/USD
-
GC
-

สรุป ราคาทองคําช่วงเช้าวันศุกร์ฟื้นตัวขึ้นทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,789.65 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากเมื่อวานนี้ราคาลงไปทําระดับต่ําสุดบริเวณ 1,777.32 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ ทองคําได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกว่า เกี่ยวกับแผนของปธน.ไบเดน ที่จะเสนอให้มีการปรับขึ้นอัตราภาษีส่วนเพิ่ม (marginal income tax rate) จาก 37% เป็น 39.6% และปรับขึ้นภาษีกําไรที่ได้จากการลงทุน (capital gains tax) เพิ่มอีกเกือบ 2 เท่า จาก 20% เป็น 39.6% สําหรับผู้ที่มี รายได้มากกว่า 1 ล้านดอลลาร์ต่อปี โดยเป้าหมายสําคัญของการปรับเพิ่มอัตราภาษีในครั้งนี้คือการนํารายได้มาเป็นงบประมาณโครงการด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน และการใช้จ่ายด้านสังคมต่างๆ ตามแผน American Families Plan รวมถึงอาจนํางบประมาณที่เหลือมาใช้ในแผน American Jobs Plan ต่อไป ทั้งนี้ ประธานาธิบดี ไบเดน จะเปิดเผยรายละเอียดของแผน American Families Plan กับสภาคองเกรสในวันที่ 28 เม.ย.นี้ ข่าวดังกล่าวกระตุ้นให้นักลงทุนแห่เทขายทํากําไรในตลาดหุ้นสหรัฐ ก่อนที่ บรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่จะเผยแพร่รายงานผลประกอบการในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ดี มองว่านักลงทุนในตลาดประเมินความเสี่ยงดังกล่าวมาระดับหนึ่งแล้วก่อนหน้านี้ หลังจากนี้แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐและทั่วโลก น่าจะขึ้นอยู่กับการระบาดของโควิด-19 และความคืบหน้าเกี่ยวกับวัคซีนว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งหากมีความไม่แน่นอนและ ความวิตกเพิ่มขึ้น จะเป็นปัจจัยช่วยหนุนราคาทองคําไว้ได้ ด้านปัจจัยทางเทคนิคประเมินว่า ราคาขยับขึ้นแต่ก็มีแรงขายทํากําไรสลับออกมา ขณะที่แรงซื้อของราคาทองคํา ลดลงจากช่วงก่อนหน้า ซึ่งหากราคาทองคําไม่สามารถยืนเหนือ 1,800-1,806 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ มีผลให้ราคาปรับตัวลงเพื่อสะสมแรงซื้ออีกครั้ง โดยมีโอกาสเกิดแรงขาย กลับลงมา โดยมีแนวรับในโซน 1,777-1,763 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนํากลยุทธ์ เน้นเข้าซื้อขายเพื่อเก็งกําไรระยะสั้น โดยแนะนําให้นักลงทุนรอเข้าซื้อหากราคาย่อตัวลงมา และไม่หลุดแนวรับ 1,777-1,763 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หาจังหวะขายทํากําไรหากราคาดีดตัวขึ้นไปทดสอบบริเวณแนวต้าน 1,800-1,806 ดอลลาร์ต่อออนซ์

คำแนะนำ ราคาทองคําอ่อนตัวลงจะมีแนวรับบริเวณ 1,777-1,763 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากยืนได้ ราคามีโอกาส ทดสอบแนวต้าน 1,800-1,806 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถผ่านได้ให้แบ่งขายทํากําไร

บทความนี้จัดทำขึ้นโดย YLG Bullion International

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ  02-687-9888 กด 1 หรือเว็บไซต์ ylgbullion.co.th

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย